ผู้ติดตาม

วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2551

บรรยากาศหนาว หนาว แต่ใจไม่เหงา

บรรยากาศช่วงนี้ เย็นสบาย
จิตใจก็สงบลงแล้ว
ชีวิตกลับมามาเป็นเหมือนเดิม
วันเวลาผ่านไปช้าๆ
ความรู้สึกดีกับตัวเองเพิ่มเข้ามาอีกหลายเท่า
กินอิ่ม นอนหลับ
จนกระโปรง กางเกงคับไปหลายตัว เฮ้อ สบายใจแล้วก็กินเยอะอีกละ
สงสัยคงต้องหาเรื่องให้ปวดหัวจนกินไม่ได้นอนไม่หลับอีกแล้วม้าง 555 เด๋วก็ได้มานั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าแบบเดิม เหอๆๆ
ช่วงนี้กำลังวุ่นอยู่กับการถักผ้าพันคอด้วยอีซี่นิต
ผ่านมาได้3วัน ถักได้3ผืนแล้ว
เตรียมส่งไปพี่สาวที่แดนไกลที่สวิตเซอแลนด์(เมืองไทย)
เพราะอากาศที่นั่นหนาวสุดๆๆ จากที่เคยไปสัมผัสมาแล้ว
ใจที่สบาย เพราะว่าได้ปล่อยวางแล้ว
...

วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2551

การเขียนหนังสือราชการ

การเขียนหนังสือราชการ” ไม่ค่อยจะมีสอนในสถานศึกษาแห่งใด ให้ถึงระดับที่เรียกว่าเขียนดี ข้าราชการการแต่ละคนจึงต้องเรียนการเขียนหนังสือราชการจากหัวหน้า ศึกษาจากเรื่องเดิมกันตลอด ดังนั้น ฉัน จึงได้เสนอวิธีปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว
เทคนิควิธีปฏิบัติ
การเขียนหนังสือราชการที่ดีควรมีการร่างเสียก่อน โดยผู้ร่างต้องศึกษาเรื่องให้รู้และเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง และจับประเด็นที่เป็นเหตุ และความมุ่งหมายของการเขียน (ซึ่งเป็นผล) ว่าจะเขียนไปเพื่ออะไร วางเค้าโครงไว้ในใจ แล้วลงมือร่างโดยลำดับวรรคตอนดังนี้

‏א. วรรคแรก ขึ้นต้นเริ่มใจความที่เป็นเหตุก่อน เหตุที่ว่านี้อาจมาจากหลายทาง
เช่น 1. จากผู้มีหนังสือไปเอง โดยปรากฎข้อเท็จจริงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือผู้มีหนังสือไปมีความประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง ตัวอย่าง 1.1 “เนื่องจากได้ทราบว่า ท่านมีความประสงค์จะบริจาค… ให้แก่…”
1.2 “ตามหนังสือที่อ้างถึง จังหวัดได้ขอความอนุเคราะห์…นั้น”
1.3 “อนุสนธิหนังสือสำนักงาน ก.พ.ที่อ้างถึง แจ้งมติว่า…นั้น”
2. จากบุคคลภายนอก โดยบุคคลภายนอกเขาว่ามา หรือขอมา ตัวอย่าง
2.1 “ด้วยกรม…แจ้งมาว่า…”
2.2 “ด้วยนาย…ได้ยื่นเรื่องราวให้พิจารณา…”
3 จากสาเหตุที่ปรากฎขึ้นเอง เช่น ความเสียหายเกิดขึ้น ตัวอย่าง
3.1 “ด้วยได้เกิดอุทกภัยที่…”
3.2 “ด้วยเครื่องพิมพ์ดีดของ…หายไป 1 เครื่อง”
3.3 “ตามที่ได้มีข่าวในหนังสือพิมพ์ ว่า…นั้น”ข้อสังเกต
1. แบบที่ยกเหตุขึ้นมาใหม่ โดยไม่ได้อ้างเรื่องที่เคยติดต่อกับผู้รับหนังสือมาก่อน จะขึ้นต้นด้วยคำว่า “ด้วย” หรือ “เนื่องจาก” และไม่มีคำว่า “นั้น” ท้ายวรรค
2. แบบที่อ้างถึงเรื่องเดิมที่เคยติดต่อกันมา หรือเป็นที่ทราบกันอยู่ก่อน ซึ่งจะขึ้นต้นด้วยคำว่า “ตาม” หรือ “ตามที่” หรือ “อนุสนธิ” แล้วจะต้องลงท้ายวรรคด้วยคำว่า “นั้น”‏ב

. วรรคที่สอง เป็นข้อความที่เป็นผล หรือ คำขอ คำสั่ง คำอนุมัติ หรือ ข้อตกลง ถ้ามีหลายข้อ ให้แยกเป็นข้อ ๆ เพื่อให้ชัดเจนและเข้าใจง่าย ความใดท้าวความถึงกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง หรือเรื่องตัวอย่าง ควรพยายามระบุให้ชัดเจน พอที่ฝ่ายผู้รับจะค้นมาตรวจสอบได้สะดวก (ข้อควรคำนึง คือ ให้ผู้รับหนังสือเข้าใจถูกต้องตามความประสงค์ที่มีหนังสือไป) ตัวอย่าง
1. “เนื่องจากได้ทราบว่าท่านมีความประสงค์จะบริจาค…ให้แก่…สำนักงาน…จึงได้ให้นาย นาง นางสาว…เจ้าหน้าที่… ผู้ถือหนังสือนี้ มาพบท่านเพื่อปรึกษาตกลงในรายละเอียดที่จะดำเนินการเรื่องนี้ ให้เป็นที่เรียบร้อยตามความประสงค์ของท่าน ต่อไป”
2. “ด้วยจังหวัดมีความประสงค์ที่จะได้หลักสูตรของโรงเรียน…ไปเพื่อ…จึงเรียนมาเพื่อขอความอนุเคราะห์กรม…ได้โปรดจัดส่งหลักสูตรดังกล่าวให้จังหวัด จำนวน 1 ชุดด้วย จักขอบคุณมาก”
3. “ตามหนังสือที่อ้างถึง จังหวัดได้ขอความอนุเคราะห์…นั้น บัดนี้ เวลาล่วงเลยมานานแล้ว จังหวัดยังไม่ได้รับทราบผลการพิจารณาเรื่องนี้แต่ประการใด จึงเรียนเตือนมาเพื่อขอได้โปรดพิจารณา และแจ้งผลให้จังหวัดทราบด้วย จักขอบคุณมาก” ‏ג

. วรรคสุดท้าย เป็นข้อความที่ลงท้าย ของหนังสือราชการ ตัวอย่าง
1. “ตามที่ท่านขอให้จังหวัดดำเนินการ…นั้น จังหวัดได้แจ้งให้…เพื่อดำเนินการตามความประสงค์ของท่านแล้ว แต่…แจ้งว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างปิดภาคเรียน ต้องรอไปอีกประมาณ 2 เดือน ก็จะแล้วเสร็จ จึงเรียนมาเพื่อทราบ”“ตามที่ท่านแจ้งว่า…นั้นสำนักงาน…ได้แจ้งให้…ทราบ และดำเนินการตามความประสงค์ของท่านแล้วจึงเรียนมาเพื่อทราบ” ในการร่างหนังสือราชการนั้น นอกจากจะขึ้นต้น ลงท้าย และลำดับวรรคตอนให้ถูกต้องแล้ว ยังควรยึดหลักสำคัญบางประการ ดังนี้ ถูกต้องทั้งหลักภาษาไทย (หลักไวยากรณ์) และถูกหลักความนิยม ได้สาระสมบูรณ์และสิ้นกระแสความ ได้ความชัดเจน กะทัดรัด ไม่เยิ่นเย้อ ลำดับความได้ดี แต่ละวรรคตอนเป็นเอกภาพ มีความสัมพันธ์กลมกลื่นกัน ได้ความตรงตามประเด็น เน้นจุดที่ต้องการ ถ้อยคำสุภาพ และบรรลุจุดประสงค์ตามที่ต้องการ สิ่งที่พึงสังวร ไม่ควรใช้ “คำบังคับ” ในหนังสือที่มีไปถึงบุคคลหรือผู้ดำรงตำแหน่งที่อยู่ใต้บังคับบัญชา ควรเปลี่ยนเป็นใช้ “คำขอร้อง” หรือ “ขอความร่วมมือ” แทน เช่นคำบังคับ เปลี่ยนเป็น(คำขอร้อง)ขอให้ส่ง โปรดส่ง
ให้ท่านไปติดต่อ โปรดไปติดต่อ
โปรดอนุญาตให้ตามความประสงค์ด้วย โปรดพิจารณาอนุญาตด้วยขอตั้งข้อสังเกตว่า ขอซ้อมความเข้าใจว่า

สรุป
1. เขียนเรื่องอะไร (เช่น เชิญ บอกให้ทราบ ถาม ตอบ ฯลฯ)

2. เขียนถึงใคร (เช่น ผู้ใหญ่ ผู้บังคับบัญชา ผู้เสมอกัน ผู้รับบริการทั่วไป ผู้ใต้บังคับบัญชา ฯลฯ)
3. เขียนทำไม (เช่น ขอความร่วมมือ ให้เขาเข้าใจ ให้เขาพิจารณา ให้เขาทราบ ให้เขาปฏิบัติให้พึงสังวรระมัดระวัง ฯลฯ)เขียนอย่างไร (เช่น ให้บรรลุจุดประสงค์ตามที่ต้องการ)
หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่ทำงานในหน่วยงานราชการนะคะ
ไม่อยากจะบอกเลยว่า ทำงานในหน่วยงานราชการมาได้เกือบ2ปีแล้ว
แต่ว่าก็ยังไม่คล่องเหมือนกันกะการเขียนหนังสือราชการอะ คงต้องฝึกฝนไปเรื่อยๆอะ
และอีกอย่างงานที่รับผิดชอบก็ไม่ค่อยได้ร่างหนังสือราชการด้วย เลยไม่ค่อยฝึกฝนสักเท่าไหร่ค่ะ
มุมหนึ่งในมน. เก็บภาพในช่วงววันรับปริญญาที่ผ่านมา24-27พย51
อีกมุมนึงบนดอยแม่จอก อุทยานขุนสถานสูดอากศดีๆให้เต็มปอดไปเล้ยไปเที่ยวมาเมื่อวันที่6-7ธ.ค.51

ขุนสถาน

จุดชมวิวบนอุทยานขุนสถาน

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

คลินิกรัก???

วันนี้ฉันป่วย
วันนี้เทอจะสบายดีไหม
วันนี้ฉันหม่น
วันนี้เทอดูสดใส
ฉันกินข้าวหมดจานแล้ว
เทอเพิ่งถือจานข้าวเดินหาโต๊ะนั่ง
เทอเครียดไหมกับหน้าที่ตรงนั้น
ฉันเครียดจังกับตรงนี้

ฉันมองไปที่เทอตลอดเวลา
เทอไม่เคยมองมาที่ฉัน
วันนี้เป็นวันแรกที่เทอสบตากัน
เทอคงจะรู้ตัวแล้วว่าฉันคิดยังไง

ฉันและเทอต่างเดินผ่านกันเกือบทุกวัน
แต่ฉันกลับไม่กล้ามองหน้าเทอและยิ้มให้เทอ
ฉันเสียใจ
แต่สิ่งที่ฉันทำ นั่นถูกต้องที่สุดแล้ว
คิดว่างั้นนะ
เทอเป็นนิสิต
ฉันเป็นบุคลากร
แต่เราก็รุ่นเดียวกัน
ฉันควรวางตัวยังไงดี

เห็นหน้าเทอทีไร ก็รู้สึกดี
อยากให้เทออยู่ตรงนี้ไปนานๆ
ไม่อยากให้เทอจบออกไปเลย
หรือไม่ถ้าจบ ขอให้ได้ทำงานต่อที่นี่ได้ไหม

ฉันเห็นเทอตั้งแต่ปี1แล้ว
ปีก็ปีที่6แล้วที่ฉันได้มีโอกาสได้เห็นหน้าเทอ

เหลืออีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
เทอก้ต้องจากไป
ไกลแสนไกล
และเทอคงจะไม่มีวันรับรู้เรื่องราวของฉันเลย
และเทอก็คงไม่อยากรู้

คลินิกที่นี่
มีเทอเดินวนเวียนในทุกๆวัน
และฉันหวังให้เป็นคลินิกรัก...
(ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้)

วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2551

การพบกัน

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ฉันขึ้นไปบนบ้านพี่
พี่บอกว่าไม่ว่างลงมารับ
เพราะว่า
ไม่ว่าง
ทางเข้าบ้านพี่ก็ไม่สะดวก แถมยังไม่มีรถประจำทางอีก
ต้องอาศัยรอรถชาวบ้านขึ้นไปเท่านั้น
ไปถึงที่ตลาดนครไทยเวลาเที่ยง
นั่งรอ กว่าจะมีรถวิ่งไปบนหมู่บ้านพี่ก้ปาไป5โมงเย็นแล้ว
นั่งท้ายกระบะกับพี่ๆในหมู่บ้านนั้นอีก4-5 คน
ไปถึงบ้านพี่ก็มืดแล้ว ประมาณ ทุ่มกว่า
น้ำตาไหลเลยเมื่อไปถึงหน้าประตูบ้านพี่
แอบไปปล่อยน้ำตาในห้องน้ำ
พี่ทักเล่นๆว่า
ที่เห็นอยู่เนี่ย "วิญญาณหรือว่าคนเนี่ย"
เช้าวันอาทิตย์
เราไปเก็บผักบนเขา
เก็บผลไม่ป่า
ที่ฉันไม่เคยได้เห็นมาก่อน
ดูเหมือนฉันจะมีความสุขมาก
ทั้งที่
รู้ว่า
สิ่งที่พี่กำลังทำดีด้วยมันป็นเพียงหน้าที่ของเจ้าบ้านที่พึงทำดีกับแขกผู้มาเยือนเท่านั้น
พี่บอกว่าจะมาส่งฉันที่พิษณุโลก
แต่ว่า
เรื่องมันกลับเปลี่ยนทันที
เมื่อฉันเก็บข้าวของหมด
แต่พี่มาบอกว่าจะไปส่งแค่นครไทย
ฉัน
ใจสลายอีกรอบ
ร้องไห้อีกแล้ว
ทำไมพี่ถึงบอกว่าจะมาส่งฉันที่พิษโลกละ
ฉันอยากให้พี่มีเวลาให้กะฉันบ้างเท่านั้น
นี่ก็ผ่านมาได้2เดือนเต็มแล้วนะ
ที่เราสองคนห่างเหินกัน
และแล้วฉันก็ตัดสินใจไม่ลงมาในวันนั้น
ฉันลงมาเมื่อวาน
วันจันทร์
ฉันต้องลางานอะจิ
เพียงเพราะอยากจะอยู่ใกล้ๆพี่
ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพราะว่าวันนี้ พี่เขาต้องกลับไปเจอคนอื่น
แนไม่อยากให้พี่ขึ้นไปบนโรงเรียนนั้นเลย
มันเป็นโรงเรียนสยองขวัญ
น่ากลัวมากในความรู้สึกของฉัน
เพราะว่าตั้งแต่วันแรกที่พี่ไป
โลกของฉันก็ถูกปิดลง ไม่เคยมีหนทางที่ฉันจะได้ตัวพี่กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกเลย
ฉันเครียดมาตลอดจนวินาทีสุดท้าย คือพี่เลือกคนนั้นและเพียงเพราะว่าฉันไปด่าพี่ด้วยคำหยาบคาย
สุดท้ายฉันกลายเป็นคนผิด
และพี่ก็เอาไปบอกคนอื่นว่าฉันเป็นฝ่ายผิด
เรื่องราวที่เกิดขึ้น2-3วันนี้มันก็เกือบจะดีแล้ว
แต่ว่าวินาทีสุดท้าย
ตอนพี่ลงมาส่งที่นครไทยเมื่อวานตอนเที่ยง
มันก็เกิดเรื่องที่ฉันไม่เคยคาดคิดมาอีกแล้ว
ฉันทำไปได้ไง....
(แล้วจามาเขียนต่อนะคะ)


วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2551

พี่กั่วลิหวนกลับมา

ว้าวุ่นหัวใจจังเลย


อยู่ๆ


ก็อยากเจอเทอ


แต่เทอไม่อยากเจอ


อยากไปเจอ


แต่กลัวทำหน้าไม่ถูก


ยังอยากได้ตัวเทอคืนมา


ยังเสียดายเทอมากมาย


แต่ดูเหมือนเทอจะรำคาญฉัน



เทอบอกเมื่อวานนี้ว่า


ฉันเป็นคนผิด


เป็นเพราะฉันปากหนัก ว่าเทอแรงเกินไป


เทอจึงไม่อยากเจอฉันอีกต่อไ


สองวันนี้


ร้องไห้ตลอด


เวลาคุยกะเทอ



ตอนนี้ฉันทำไรก็ผิดไปหมด


มันผิดจังหวะ


ไม่สามารถปรับให้เข้ากับเทอได้เลย


ไม่ว่าฉันจะพูดยังไงก็ไม่เข้าหูเทอเลย



พี่คะ


เรายังมีโอกาสมาเป็นเหมือนเดิมไหม


ฉันยังรอวันนั้นอยุ่นะ


รออยุ่ตรงนี้




ผ่านมาแล้วสองเดือน


ที่เราสองคนไม่ได้ติดต่อ


ไม่ได้เจอกัน




ฉันได้อยู่กับตัวเอง


ได้คิดไตร่ตรอง




สรุป คือ


ฉันอยู่โดยไม่มีเทอ ไม่ได้เลย

วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2551

Closer

เป็นช่วงเวลาที่ได้อยู่กับตัวเองอีกครั้งวันเวลาได้หมุนกลับมาที่เดิม
ได้มานั่งไตร่ตรองหัวใจอีกครั้ง
คิดหลายแง่มุม
เกี่ยวกับความต้องการที่ใจฝันหามานาน
สิ่งที่ใจต้องการมันอยู่ข้างใน
ลึกจนแทบขุดคุ้ยไม่เจอ
หลายเรื่องผ่านเข้ามาในชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน
เพื่อนร่วมงาน
หัวหน้าที่ทำงาน
เรื่องการย้ายหอ
เรื่องการสอบเข้าทำงานที่ใจชอบ
การสอบไม่ผ่าน
การสอบผ่าน
การโดนหัวหน้าดุ
การไม่ชอบขี้หน้าหัวหน้า
ไม่สนุกกับงาน
หลายสิ่งหลายอย่าง
บอกให้ว่า ฉันควรจัดการอะไรกับตัวเองแล้ว
แต่แล้วก็ยังไม่สามรถจัดการมันได้
ปิดตาลง
วันนี้หลับสบาย
แต่วันพรุ่งนี้
ไม่อาจรุ้ได้เลย ว่าจะหลับตาลงได้ไหม
เมื่อคืนฉันยังหลับสบายดีอยู่เลย
เพียงแค่ได้ดุหนังเรื่องเก่าๆ
เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก
เมื่อครั้งที่กำลังแอบปลื้มเทอ
เทอผู้ใจเป็นนักเลง
เทอคนที่ใจตื่นเต้นยิ่งนักเมื่อได้อยู่ใกล้
บทเพลงประกอบหนังดังขึ้น
ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ
ทำให้ฉันอดคิดถึงเทอไม่ได้
ก็ตอนที่เรารักกัน
มันช่างน่าตื่นเต้นนัก
นักเลงกับคุณหนู ผูที่ไม่เคยมอบหัวใจให้ใครๆ
นักเลงที่ใช้หัวใจเปลือง
ผู้หญิงที่มีใจรักเดียว อุดมการณ์สูงส่ง จะมอบรักให้กับชายเพียงคนเดียวตลอดทั้งชีวิต
ชายมาเฟียที่มีความลับมากมายในหน้าที่การงาน
ผู้หยิงผู้ที่เก็บความลับของชายมาเฟียมาตลอด
ผู้หญิง คนที่ห่วง และกลัวกับการพรากจากของชายมาเฟีย
จนไม่สามารถแสดงความรักออกมาทั้งหมดให้กับเทอ คนเดียวที่ใจรัก รักมากที่สุด
ฉันทำให้เจ็บปวดมากมาย
ฉันปฏิเสธเทอ
เทอทำให้ฉันเจ็บ
ฉันทำเทอเจ็บ
ต่างคนต่างร้องไห้
ความเจ็บปวด
เพราะความกลัวในตัวฉัน
ฉันไม่มั่นใจในตัวเทอ
ทั้งที่ใจวิ่งเข้าหาเทอตลอดเวลา
ฉันรักเทอ
บทเพลงจบลง
น้ำตาฉันไหล
ยอดนักเลงผู้เป็นที่รักของง "ข้า"
ผ่านไป5 ปี
หัวใจนี้
ยังเป็นดวงเดิม
"หัวใจนักเลง"
อยู่เพื่อได้เจอเทอในสักวัน
และแล้วฉันก็ได้เจอเทออีกครั้ง
เมื่อสองเดือนที่ผ่านมา
ใจยังตื่นเต้นเหมือนทุกครั้งที่เคยเจอ
เทอยังเหมือนเดิมทุกอย่าง
มีอยู่อย่างเดียวที่ไม่เหมือน
คือการวางตัว
ในฐานะที่เราเป็นเพียงคนเคยรักกัน
เคยคบกันเท่านั้น
มือเรียววยาว
ลักยิ้มบนมุมปากขวาเทอ
ริมฝีปากบางของเทอ
จมุกโด่งตรงนั้น
แก้มสองข้าง
เส้นผมตรงท้ายทอยที่ฉันเคยสัมผัส
ลำตัวรอบเอว
ทุกอย่างของเทอถูกปิด
ถูกปิดด้วยความรู้สึกของเทอ
และฉัน
ฉันไม่สามารถแตะต้องตัวเทอได้
ฉันคงได้แต่นอนนึกถึงภาพเราสองคนอยู่ด้วยกัน
โดยที่ไม่สามารถแตะต้องตัวได้
มันเป็นเหมือนในความฝัน
ที่ดูเหมือนทุกอย่างจะลงที่ตัวฉันแต่เพียงคนเดียว
ทั้งที่มีผู้คนมากมาย
แต่ว่าทุกอย่างกระหน่ำรุมทำร้ายฉัน
ฉันอยากให้เป็นเพียงแค่ความฝัน
ที่ตื่นมาแล้วสามารถแตะต้องเทอได้
ฉันอยากเป็นคนที่ยืนอยู่ข้างๆเทอ
อยากดูแลเทอ
อีกสักครั้ง
หากเป็นไปได้
ฉันจะไม่ยอมปล่อยเทอไปไหนอีกเลย
มิสเตอร์..
ฉันรักเทอมากมายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
เป็นช่วงเวลาที่ได้อยู่กับตัวเองอีกครั้งวันเวลาได้หมุนกลับมาที่เดิม

วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2551

Crush

วันนี้เสิร์ชหาเพลงฮิตติดชาร์ท
เพลงนี้เคยติดชาร์ทอันดับที่2 มาเมื่อเร็วๆนี้เอง
วันนี้เปิดฟังหลายรอบเลย
มันเพราะและทำนองจังหวะ ก็ให้อารมณ์มากเลย
อย่าเข้าใจผิดนะ
คือมันบิ้วอารมณ์ให้นึกถึงเทอน่ะ มันเศร้าๆ มันรู้สึกน่าใจหายที่เทอจะจากไปไกลแล้ว
เพราะว่ามันเป็นช่วงเทศกาลปิดเทอม
เทอก็ต้องกลับบ้าน
มันจะทำให้เราต้องห่างไกลกัน

เทอจะคิดยังไงกับฉันบ้างนะ
จนถึงวันนี้เทอก็ยังไม่ยอมคุยกับฉัน
เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ไม่เข้าใจเลย
ทำไมๆๆ
ทำไมเทอถึงไม่สนใจฉันเลย


"Do you catch a breath when I look at you?Are you holding back like the way I do?‘Cause I’m trying and trying to walk awayBut I know this crush ain’t goin’ away-ay-ay-ay-ayyGoin’ away-ay-ay-ay-ayy"


(ใครสนใจฟังเพลงนี้ก็คลิกได้นะคะ เพราะมากมาย http://www.araiwaa.com/archives/699 )

วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2551

อยากไปเที่ยวดอย

วันหยุดนี้อยากขึ้นไปบนบ้านพี่สาวจังเลย
อยากไปเจอกับหมู่เพื่อนๆ
ต้นไม้ ภูเขา หมอก สายฝน สายลม
พวกเขายังรอที่จะเจอฉันอยู่ไหมน้า
แต่ฉันอยากจะเจอพวกเขา
แต่ติดตรงที่ว่า ฉันไม่อยากลางานวันจันทร์หน้านี้ จึงตัดสินใจไม่ไป
ถ้าตอนนี้ฉันไป ยังจะทันไหมน้า
ฉันอยากไปจัง
อากาศที่นั่นคงจะดีมากเลย
อยากไปสัมผัส
แต่ว่าเสื้อผ้าเต็มตะกร้าเลย ยังมะได้ซัก
นี้แหละเป็นปัญหาใหญ่ที่ฉันไม่ได้ไปที่ดอยขุนสถาน
ดินแดนอันไกลพ้น ดินแดนแห่งความบริสุทธิ์ สดใส
ฉันกำลังคิดอยู่ว่าฉันอาจจะขึ้นไปในเร็วๆวันนี้
ฉันอยากไปสูดอากาศที่นั่นให้เต็มปอด
ฉันคิดถึงเพื่อนๆที่นั่น
แล้วฉันจะขึ้นไปแน่นอน ขุนสถาน รอฉันก่อนนะ

วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2551

Singularity : ภาวะเอกฐาน

สภาพฉันตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับซากศพ
ไม่ใช่สิ
ฉันเป็นเหมือนจุด (พินทุ) เป็นจุดที่เป็นเพียงจุดเดียว
เป็นหน่วยที่ไม่สามารถแยกได้อีก
เป็นหน่วย สิ่งมีชีวิตที่เล็กที่สุด เท่ากับจุด (.)เท่านั้น
เป็นช่วงชีวิตที่เป็นหนึ่งเดียว เป็นเอกฐาน
ไม่สามารถแยกหัวใจดวงน้อยๆดวงนี้ไปไหนได้อีก
ทุกสิ่งสรรพในตัวฉันเป็นของฉัน
ทั้งหมดทั้งมวล ไม่ใช่ของใคร
ไม่หวังให้ใครๆมาดูแล
ไม่ขอฝากให้ใครๆอีกต่อๆป
การแบ่งแยกตัวตนที่ผ่านมา
ส่งผลเสียต่อจิตใจของฉันมากมาย

ฉันเกือบจะหายไปจากหน้ากระดาษนี้
จุด(.)เล็กๆ เกือบถูกลบไปจากแผ่นกระดาษผืนนี้

วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2551

ลบเบอร์แล้ว

ตอนนี้ฉันไม่มีเบอร์เทอแล้วนะ
ไม่อยากโทไปรบกวนเทอ
ไม่อยากเสียความรู้สึก เวลาโทไปแล้วเทอไม่รับสาย
ไม่มีอีกแล้ว
หยุดทุกอย่าง

มืดแปดทิศ

ตอนนี้งานก็ไม่ราบรื่น
เรื่องรักก็แสนเศร้า
เรื่องเงินก็มีปัญหา
มันเป็นบ้านอะไรวะเนี่ย
นี่ฉันจะซวยไปถึงวันไห น

หวังว่าความซวยเหล่านี้
จะผ่านพ้นไปในเร็ววันนะ

จะยังไงก็ช่างความรักอยู่รอบๆตัวฉันตลอดเวลา
ไม่ว่าจะเป็นความรักจากตัวเอง
จากที่คอยเป็นห่วงอยู่ที่บ้าน
ฉันยังมีเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้วันโหดร้ายนี้
ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ถ้าเราพยายาม
ช่ายไหม



Love is all Around

I feel it in my fingers,
I feel it in my toes Love is all around me and so the feeling grows
It's written on the wind, it's everywhere I go
So if you really love me, come on and let it show
You know I love you I always will
My mind's made up by the way that I feel There's no beginning, there'll be no end
'Cause on my love you can depend
I see your face before me, as I lay on my bed
I kinda get to thinking of all the things we said
You gave a promise to me, and I gave mine to you
I need someone beside me in everything I do
You know I love you I always will
My mind's made up by the way that
I feel There's no beginning, there'll be no end
'Cause on my love you can depend It's written on the wind, it's everywhere I go So if you really love me, come on and let it show Come on and let it show

วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2551

หลอน

เบื่อแล้วก็มาทิ้งกันได้ง่ายดาย

วันก่อนพี่ออนมาบอกว่าคิดถึง
พอตกกลางคืนพี่ก็โทมาถามไถ่ทุกข์สุข
ไงก็ขอบคุณสำหรับความห่วงใยที่พี่มีให้นะ
แต่ว่านึกถึงพี่ไร
หลอนทุกที
มันน่ากลัวมากๆๆ
กับสถานที่ตรงนั้น
ตรงที่พี่อยู่กะคนอื่น
สยองเหลือเกิน
ชาตินี้คงไม่มีฉันยืนอยู่ตรงนั้นอีก

ลบเบอร์ดีไหม

ตั้งแต่วันนั้น วันที่เราไปกินข้าวด้วยกัน
ฉันก็ว่าจะลบเบอร์เทอทิ้งเสีย เพื่อที่ฉันจะได้ไม่ต้องโทหาเทออีก
เพราะฉันเกรงว่าจะเป็นการรบกวนเทอ
เทอบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับฉัน นอกจาก"พี่สาว"
ช่วงหลังนี้ฉันได้โทไปหาเทออีกหลายครั้ง
แต่ก็ไม่มีการรับสายใดๆ
สองวันแล้วที่หักห้ามใจไม่ให้โทไปหาเทอ
แต่ก็ต้องจมจ่อมอยู่กับความผิดหวัง

ที่เทอก็รู้

จนวันนี้ วันที่ว่างๆ และเหงาๆบวกกับความกังวลใจที่จะสอบในวันพรุ่งนี้
ฉันอยากคุยกับเทอสักคำสองคำก็ยังดี
ฉันโทหาเทอตอนพักกลางวัน
เพราะคิดว่าเทอคงจะว่างจากเรียนแล้ว
แต่ก็ไม่มีการรับสายใดๆ
ฉันคงหมดหวังแล้ว
เทอไม่รับสายฉันอีกแล้ว
เป็นเพราะว่าเทอไม่มีไรจะคุยกะฉันอย่างที่เทอเคยบอกกัน
แต่ว่าเมื่อตอน18.59น. (เลขสวยมะ) เทอได้โทมาหาฉันถึง2สาย
แต่ว่าพอดีโทสับมันแบตหมด
เลยไม่ได้คุยกะเทอ
แต่ฉันพอจะเดาออกว่าเทอจะพูดประโยคไหน
"พี่โทมาหาผม มีไรป่าวคับ"
ทุกครั้งที่เทอโทมามักจะขึ้นต้นด้วยประโยคนี้เสมอ

ตอนนี้ฉันอยากคุยกะเทอ
แต่ว่ามือถือฉัน แบตมันหมด
ตอนนี้ฉันนั่งพิมบทความนี้อยูที่ร้านไอเดีย
ฉันอยากรู้จังว่าเทอโทมาหาฉันเพราะเรื่องอะไร
ถ้าหากเป็นเรื่องที่เทอนัดฉันไปเดินเล่นคงจะดีไม่เบา
ฉันหวังให้เป็นอย่างนั้น
ต่อไปนี้ฉันจะไม่พยายามลบเบอร์โทเทอทิ้งแล้วละ
ฉันจะเก็บเทอไว้ในส่วนลึกๆ
ขอบคุณที่โลกหมุนรอบทำให้ฉันได้มาพบเจอเทอ
ทั้งๆที่เราเคยอยู่ใกล้กัน แต่ก็ไม่เคยเจอกัน
จนในที่สุดเราก็ได้มาพบเจอกัน ณ แดนไกล พ้นขอบฟ้า
เมื่อสิ้นสุดปีการศึกษานี้แล้ว
ก็จะเหลือเวลาอีกแค่ปีเดียว
ที่เราจะได้อยุ่ด้วยกันที่นี่
ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้เจอหน้าเทอทุกวัน
แต่ก็แอบอุ่นหัวใจ
ว่าเทออยู่ใกล้ๆ
เวลาเดินตามตลาด
ตามงานต่างๆในมอ
ฉันยังแอบลุ้นว่าจะได้เจอเทอตามงาน
ฉันเห็นคนใส่เสื้อชอปวิดวะ
ฉันอยากให้เป็นเทอ
ฉันเห็นคนตัดผมทรงเดียวกะเทอ ฉันหวังให้เป็นเทอ
ฉันเห็นคนขี่ดรีม ฉันอยากให้เป็นเทอ
ฉันอยากเจอเทอในทุกๆวัน
ฉันอยากเหนรอยยิ้มเทอ
ฉันจะรอวันได้พบเจอเทออีก
ฉันคิดถึงเทอ

วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2551

วันที่เครียดๆ

หลายวันนี้มีแต่เรื่องเครียดๆเข้ามาในชีวิต
ทั้งเรื่องการงาน
เรื่องเทอ
เครียดจนปวดหลังอีกแล้ว
ปวดร้าวที่แผ่นหลัง
ไม่รู้ว่ามันจะหายเมื่อไหร่
รุแค่ว่า
เมื่อไหร่ฉันถึงจะออกจากตรงนี้ได้สักที
รอวัน

วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2551

รอต่อไป

สาเหตุที่ฉันยังต้องรอพี่ต่อไป
1. ฉันจะรอพี่ต่อไปอีก 10 ปี (ปี2552-2562)
2. ช่วงนี้ฉันควรปล่อยให้เจ้าผีเสื้อน้อยผู้น่ารัก ได้โผบินไปตามหาตัวเอง ฉันจะไม่คอยวิ่งไล่จับอีกแล้ว ฉันจะไม่สร้างความกดดันให้กับพี่อีก เพราะการที่ฉันวุ่นวายกับชีวิตพี่มากเกินไป มันยิ่งทำให้พี่หนีไปไกลจากฉันมากขึ้นทุกที
3. ฉันจะรอจนกว่า สักวันหนึ่ง พี่จะกลับคืนมา เพราะว่าฉันรักพี่
4. แม้คำตอบของการรอจะเป็นเช่นใด แต่ฉันก็ยังอยากพิสูจน์จิตใจตัวเองเหมือนกัน ว่าแท้จริงแล้วฉันน่ะ รักพี่มากมายแค่ไหน
5. เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป้นเพราะอารมณ์ และเกมการเมืองเท่านั้น ซึ่งแท้จริงแล้ว เราสองคนต่างรู้สึกดีๆกันมากมาย
6. ฉันยอมให้พี่มีคนอื่นด้วยได้ ขอแค่พี่มีความสุข ฉันยอมได้ แต่จำเอาไว้ว่า ยังไงฉันก็ยังรอพี่เป็นคนนิสัยดี จึงไม่แปลกเลยที่จะมีคนอื่นมาชอบ มารัก อันนี้ฉันทำความเข้าใจใหม่แล้ว
7. ไม่ใช่ว่าฉันไม่มีค่า แต่ว่าเป็นเพราะว่าฉันวู่วามเกินไป ไม่เชื่อฟังพี่ จึงถูกพี่ทำร้ายน้ำใจไปมากมาย ความรู้สึกมันอาจดุแย่ แต่ว่าทั้งหมดนั้นเป็นเพราะว่าแนรักพี่ แต่ว่าต่อจากนี้ไป ฉันจะได้เรียนรู้ใจตัวเองมากขึ้น ว่าจริงๆแล้วเราสองคนต้องใช้เหตุผลมากกว่านี้
8. ฉันว่าให้พี่แรงเกินไป แต่นั่นเป็นเพราะความโกรธ ที่พี่อยู่ใกล้คนอื่น และไม่ให้ความสำคัญกับฉัน แนสำคัญตัวเองมากเกินไป ซึ่งแท้จริงแล้ว ทุกคนต่างก็มีค่าเท่ากัน แต่บางเวลาฉันก็อดคิดไม่ได้ว่าฉันเป็นที่หนึ่งของพี่
9. ช่วงนี้ฉันจะพยายามไม่โทหาพี่นะ เพราะแนรู้ว่าถ้าพี่พร้อมที่จะคุยกับฉันเมื่อไหร่ พี่ก็คงจะโทมาเอง
10. เป็นห่วงพี่ตลอด

โตะหินอ่อน ใต้ตึกเกษตร

เมื่อวานตอนเย็นขี่มอไซค่ไปวิ่ง
ผ่านข้างตึกเกษตรผ่านโตะหินอ่อนตัวนั้น
ตัวที่พี่กะกู๋นั่งต่างคนต่างเริ่มทำความรู้จักกัน
พี่ถามว่าแผลที่คอกู๋เป็นไรหรอกู๋เขิน อายจนต้องขอตัวไปห้องน้ำพี่ก็เป็นคนตรงๆเหมือนกันนะบางคำถาม กู่แทบจะตอบไม่ได้ในทันทีเลยต้องไปทำใจในห้องน้ำก่อน เพราะว่า ณ เวลานั้น อาย และเขินตัวเอง
ท่านั่งของพี่ อยู่ในท่าเหยียดขายาว ขึ้นพาดบนม้านั่งอีกตัวนึงสายตาหวานค่นั้นกู๋ยังจำได้ดีลักยิ้มตรงมุมขวา ส่องประกายมาเป็นระยะๆกู๋อยากจะไปนั่งตรงโต๊ะตัวนั้นแต่ว่ากลัวเหลือเกินกลัวว่าจะคิดถึงพี่จนมากเกินไปเลยผ่านไปวิ่งและไปตีแบตกับเพื่อนๆขากลับถนนสายนั้นข้างตึกเกษตร
ถนนสายที่พี่ต้องจูงรถมอไซค์และบอกกะกู๋ว่า พี่อยากอยู่กะกู่นานๆเลยไม่อยากขับมอไซค์พี่จูงมอไซค์อย่างมีความสุขกู๋ก็สุขไม่แพ้กันจูงจนถึงหน้าหอพักกู๋แล้วพี่ก็ส่งยิ้มมาก่อนที่พี่จะลาจากไป
ตอนนี้ ก้อเป็นยังไงบ้างน้ากู่อยากเจอก้อมากมายเหลือเกิน
รอก้ออยู่นะ
มาหากัน
เรายังเป็นคนเดิมของกันและกันใช่ไหม
อย่าโกรธกู่นานไปกว่านี้เลยรู้ นะว่าก้อไม่ชอบที่กู่ไปหาก้อถึงข้างบนนั้น
ก้อคงโกรธและเกลียดกู๋มากกู๋ขอโทษ ก้อให้อภัยกู๋เถอะนะเรารักกันไม่ใช่หรออย่าโกรธกู๋นานเลย
มายเบบี้
คิดถึง

จับมือกันไว้ แล้วไปด้วยกัน

ฉันหนาวเหลือเกิน
พี่จับมือของฉันไว้
ฉันพยายามซุกมือของฉันไว้รอบตัวพี่
พี่ช่างอุ่นเหลือเกินเราเดินทางกันเป็นคณะใหญ่มีทั้งเพื่อนร่วมงานที่นี่ ญาติๆที่บ้านฉันและพี่เราสองคนเดินไปด้วยกันจับมือกัน มันช่างดีแสนดีพี่คอยดูฉัน ฉันคอยยิ้มให้พี่ตลอดทางระหว่างทาง ที่พักกัน พี่โอบกอดฉันไว้ในอ้อมแขน มันช่างอบอุ่นเหลือเกิน เมื่อเรามาถึงที่หมายต่างแยกย้ายกันเข้าพักฉันและพี่พักห้องเดียวกันฉันอยากกอดพี่เหลือเกิน ฉันโหยหาพี่
ฉันมีความสุขจิงเลย ที่ได้อยู่กับพี่
แล้วเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งก็ชวนให้ฉันไปที่ไหนสักแห่งเหมือนไปอีกที่นึงแต่เป็นที่ๆน่ากลัวฉันอยากกลับไปหาพี่ทันทีและฉันก็รีบเดินกลับมาหาพี่ที่ห้องทันทีฉันอยากเจอพี่เท่านั้น แต่....พอมาถึงหน้าห้องฉันต้องสะดุ้งตื่น นี่ฉันแค่ฝันไปฉันไม่ได้อยู่กับพี่พี่ไม่ได้มาหาฉันหรอเนี่ย แต่ว่ารอยสัมผัส อุ่นไอร้อนในฝันเมื่อกี้ ฉันยังจำได้และยังสัมผัสได้ เหมือนฉันเพิ่งได้รับอ้อมกอดจากพี่ไปเมื่อกี้นี้เองฉันหลับตั้งแต่เย็น18.00สะดุ้งตื่นอีกทีก็สามทุ่มครึ่ง หลายวันนี้ฉันฝันว่าพี่มาหาฉัน และอยู่กับฉันบ่อยเหลือเกินพี่คะพี่จะฝันถึงฉันบ้างไหม

โต๊ะหินอ่อนตึกเกษตร

เมื่อวานตอนเย็นขี่มอไซค่ไปวิ่ง ผ่านข้างตึกเกษตรผ่านโตะหินอ่อนตัวนั้นตัวที่พี่กะกู๋นั่งต่างคนต่างเริ่มทำความรู้จักกันพี่ถามว่าแผลที่คอกู๋เป็นไรหรอกู๋เขิน อายจนต้องขอตัวไปห้องน้ำพี่ก็เป็นคนตรงๆเหมือนกันนะบางคำถาม กู่แทบจะตอบไม่ได้ในทันทีเลยต้องไปทำใจในห้องน้ำก่อน เพราะว่า ณ เวลานั้น ทั้งอาย และเขินตัวเอง

ท่านั่งของพี่ อยู่ในท่าเหยียดขายาว ขึ้นพาดบนม้านั่งอีกตัวนึงสายตาหวานค่นั้นกู๋ยังจำได้ดีลักยิ้มตรงมุมขวา ส่องประกายมาเป็นระยะๆ

เวลานี้ กู๋อยากจะไปนั่งตรงโต๊ะตัวนั้นแต่ว่ากลัวเหลือเกินกลัวว่าจะคิดถึงพี่จนมากเกินไป

เลยผ่านไปวิ่งและไปตีแบตกับเพื่อนๆขากลับ ถนนสายนั้นข้างตึกเกษตรถนนสายที่พี่ต้องจูงรถมอไซค์และบอกกะกู๋ว่า พี่อยากอยู่กะกู่นานๆเลยไม่อยากขับมอไซค์พี่จูงมอไซค์อย่างมีความสุขกู๋ก็สุขไม่แพ้กันจูงจนถึงหน้าหอพักกู๋แล้วพี่ก็ส่งยิ้มมาก่อนที่พี่จะลาจากไป

ตอนนี้ ก้อเป็นยังไงบ้างน้ากู่ อยากเจอก้อมากมายเหลือเกิน รอก้ออยู่นะ มาหากันเรายังเป็นคนเดิมของกันและกันใช่ไหม อย่าโกรธกู่นานไปกว่านี้เลยรู้นะว่าก้อไม่ชอบที่กู่ไปหาก้อถึงข้างบนนั้นก้อคงโกรธและเกลียดกู๋มากกู๋ขอโทษ ก้อให้อภัยกู๋เถอะนะเรารักกันไม่ใช่หรออย่าโกรธกู๋นานเลย

มายเบบี้

คิดถึง

วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ฮาราคีรี

_อยากจะฆ่าตัวตายด้วยวิธีนี้จริงเลย
ใช้มีดแทงเข้าไปที่ท้องด้านซ้าย
ถ้ายังไม่ตาย ให้ใช้แรงเฮือกสุดท้ายชักมีดมาทางด้านขวาของช่องท้อง
และถ้ายังไม่ตายก็จะชักมีดขึ้นด้านบานช่องท้อง
หรือไม่ก็คือ แทงมีดเข้าไปแล้ววาดให้เป็นตัวเลข 1
การตายแบบนี้
มันคงทรมานน่าดู
ศพอาจไม่ค่อยสวย
แต่เชื่อสิ ว่าทุกคนจะต้องจำฉันได้แน่นอน
ฉันไม่อยากตายแบบวิธีธรรมดา
ฉันอยากตายด้วยวิธีฮาราคีรี

วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2551

"The Lerk"

สิงห์นักบิดเข้าสิง
ทนเก็บความรู้สึกคับข้องใจไว้ไม่ไหวแล้ว ก็เรื่องมันเกิดขึ้นบ่อยมาก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
มาครั้งนี้ พี่ก็ยังไม่เครียอีก
แถมยังเงียบอีก
ฉันจึงบอกเลิกๆๆพี่ไป
เหตุผลก็คือพี่โกหก หลอกฉัน
พี่บอกกับคนทางนั้นว่าพี่ไม่ได้ชอบฉัน แต่ฉันน่ะ ไปชอบพี่อยู่ฝ่ายเดียว
เจ็บใจนักที่พี่มาจับปลาสองมือไว้แบบนี้
ตอนบ่ายวันศุกร์ที่15ส.ค.51 เลยด่าพี่ไปทางเอ็ม
"สารเลว ไอ้ชาติชั่ว ชาติหมา ไอ้คนเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัว ทำตัวอย่างกะพวกผู้ชายขายตัว สำส่อนไม่เลือกที่
ครูแบบนี้ลาออกแล้วไปขายบริการยังจะดีกว่าอีก แบบอย่างเลวๆแบบนี้ไม่เหมาะที่จะเป็นครูไทยหรอก
แมร่ง ไอ้บัดซบ ไอ้เหี้ย ฯลฯ "
ตอนที่ฉันด่าพี่แบบนี้ไป
พี่ก็บอกว่าพี่มีเรื่องดีๆหลายเรื่องเลยที่อยากจะคุยด้วย
แต่พอมาเจอคำด่าของฉันพี่เลยจอดดดด
พี่คงไม่เคยคิดว่าฉันน่ะแค้นพี่มากแค่ไหน
ฉันสามารถฆ่าพี่ได้เลยนะเนี่ย ถ้ามีอาวุธนะ
มันแค้นใจนัก ที่พี่อยู่บนนั้นกะคนนั้นและไม่สนใจกันเลย
พี่เบื่อแล้วก็มาทิ้งกันง่ายๆๆแบบนี้ไม่ได้หรอก..
เพราะฉะนั้น
เช้าวันเสาร์ที่ 16 ส.ค.51 ฉันก็ควบมอไซค์ บิดขึ้นไปรร.พี่ทันที
เพราะว่าฉันอยากจะคุย อยากจะเจอพี่ คุยให้รู้เรื่อง
แต่พี่บอกว่าติดงานเรื่องเตรียมงานสัปดาวิทย์
พี่บอกอีกว่าอย่าเพิ่งขึ้นไปตอนนี้เลย เพราะว่าผอ.จับตามองอยู่ เด๋วเรื่องมันจะไปกันใหญ่
พอเจอห้ามแบบนี้ ใจก็ไม่นิ่งแล้วววว
ต้องลุย
บิดมอไซค์ ไป ระยะทางประมาณ150 กม. (เป็นลูกรัง 50 กม.)
บิดด้วยความเร็ว 80-110 กม./ชม. สลับกันตลอดเวลา
ก็ใจฉันมันร้อนรน อยากจะเจอหน้าไอ้คนโกหก อยากจะไปให้เห็นว่าพวกพี่สองคน "รักกัน"
ฉันอยากเห็น อยากรู้ เพื่อที่ฉันจะได้สามารถเอาชนะใจตัวเองได้ ฉันจะได้ไม่เครียดมากเรื่องพี่อีก

เข้าเมืองผี
เมื่อเข้าสู่ตัวอ.นครไทย ใจก็เริ่มหวั่น ทำไมมันน่ากลัวแบบนี้
แต่นั่นละ ฉันก็ยังรู้สึกตัวอยู่ ฉันมีจุดหมายคือไปยังเมืองผี
เข้าสู่ตัวอ.ชาตริตระการ แวะกินข้าว พักเหนื่อย เป็นการเดินทางที่เหนื่อย และน่ากลัวเหลือเกิน เพราะสิ่งที่ฉันกำลังจะได้รับรู้ นั่นคอการสูญเสีย
พอถึงทางแยกขึ้นหมู่บ้านน้ำจวง (บ้านน้ำตอน) ฝนตกลงมา หนักมาก ทางแยกนั้นเป็นทางลูกรัง
ฉันใส่เสื้อกันฝน และฝ่าสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักนั้นต่อไป โดยไม่หยุดหย่อน
สองข้างทางเต็มไปด้วยไม่ป่ามากมากมาย แต่ฉันไม่สามารถมองเห็นและสัมผัสธรรมชาติเหล่านั้นได้เลย
เพราะว่าจิตใจฉันร้อนรุ่ม ทั้งที่ต้นไม้และทิวเขาพวกนั้นเป็นสิ่งที่ฉันชื่นชอบยิ่งนัก แต่ ณ เวลานั้นแล้ว
ใจมันจดจ่ออยู่ตรงนั้น คำถามนั้น
ผ่านไปประมาณเกือบ 2 ชม.
มอไซค๋คู่ชีพก็พาฉันมาถึงเมืองผี เป็นหมู่บ้านผี ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
มันหลอกหลอนฉันตั้งแต่พี่ไปสอนอยู่ที่นั่น
ตลอดเวลา 1ปีเต็มที่นั่น ทำให้ฉันกลายเป็นคนจิตตก ประสาท เครียด อารมณ์ฉุน
เมื่อฉันขึ้นไปถึงรร. และเจอหน้าพี่
พี่กำลังทำงานอยู่
งานไม่ยุ่งนัก
แต่พี่ถามฉันสั้นๆ ว่า "มายังไง มากะใคร"
และฉันก็ตอบสั้นๆ ว่า บิดมอไซค์มาคนเดียว
พี่นั่งนิ่งตลอด
สักพักผู้หญิงคนนั้นก็เดินมา
และหยุดจ้องหน้าฉัน
สายตานั้น ฉันสามารถรับรู้ได้เลยว่า พี่คงกลัว
ฉันหวั่นๆ แต่ก็ใจดีสู้เสือ
เพราะ ณ เวลานั้น ไม่มีใครเป็นพวกฉันเลย
ฉันจ้องหน้ามันตอบ
มันเดินมาถามพี่ว่า ฉันเป็นใคร
พี่ไม่ตอบ
ทั้งฉันและผู้หญิงคนนั้นนั่งขนาบข้างกายพี่
จนงานพี่เสร็จ
เราจึงนัดเจรจากันทันที
เพราะตอนนี้ใจฉันร้อนมาก เมื่อเห็นหน้าอีนังผู้หญิงคนนั้น
มันแย่งพี่ไปจากฉันได้แล้วจริงๆหรือนิ

วินาทีสุดท้ายที่ฉันยังมีพี่
เรา3คนนั่งเจรจากันภายในห้องครัว
ต่างคนต่างนั่งเงียบ
ฉันจึงต้องเป็นฝ่ายถามก่อน
ทั้ง ๆที่ฉันยังไม่พร้อมที่จะถาม
แต่เหตุการณ์มันบีบบังคับ
เพราะว่าเวลานั้น ผู้หญิงคนนั้นมันมั่นอกมั่นใจมากมาย
มันคงรู้ว่าพี่จะเลือกมัน
มันถึงนิ่งได้ขนาดนั้น
ก็นั่นละนะ คนเขามันอยู่ใกล้กัน ก็เป็นธรรมดา เขาคงอุ่นใจที่ได้ตัวพี่
คำถามแรกที่ฉันถาม
"ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร"
พี่บอกว่าเป็นใครก็ไม่รู้เหมือนกัน
เยงแต่ว่าเวลาอยู่ด้วยและทำงานด้วยแล้วสบายใจ
"พี่ชอบเขาไหม"
ไม่ชอบและไม่ได้รักด้วย และย็อีกว่าอยู่ด้วยแล้วสบายใจ
ทีนี้พอถามว่าแล้วฉันล่ะ
พี่บอกว่ายัง"รัก"
คำถามสุดท้ายแล้วทีนี้ "พี่เลือกใคร"
พี่บอกเลือกเขา
แต่ก่อนที่พี่จะบอก น้ำตาพี่ไหล พี่มองหน้าฉัน
น้ำตาพี่ไหล ฉันก็ไม่ไหวแล้ว กลั้นไว้ไม่ไหวแล้ว ปล่อยให้มันไหลอยู่ต่อหน้าทั้งพี่และผู้หยิงคนนั้น (มันคงสะใจผู้หญิงคนนั้นมากมายที่สามารถเอาตัวพี่ไปได้)
พี่บอกว่ายังรักฉันแต่ทำไมถึงเลือกเขา

เบื้องหลังคือสงครามการเมือง
เราสองคนต่างก็ร้องไห้ไม่หยุด
พี่บอกว่าในเมื่อฉันด่าว่าให้ไม่ดีขนาดนั้น พี่ก็คงไม่กล้าเลือกฉันหรอก
และบอกว่าฉันไปผิดเวลา
สารพัดข้ออ้างเลยทีนี้
ฉันขอคุยกะพี่สองคน
ก่อนหน้าหนึ่งวัน พี่ส่งข้อความสั้นๆมาว่า
"สงครามการเมืองที่ต้องอดทน"
ฉันพอจะรู้ว่าเป็นเรื่องสังคมครูที่นั่น เรื่องพี่ต้องรับผิดชอบผู้หญิงคนนั้น
พี่บอกกับฉันอีกว่า ที่พี่ต้องเลือกเขาเพราะว่าเป็นสงครามการเมือง
พี่จำเป็นต้องเลือกเขา เพื่อจะได้เข้าและอยู่กะสังคมนั้นได้
แล้วฉันล่ะ พี่ทิ้งไปง่ายๆแบบนี้เลยหรือ
พี่บอกว่าช่วงนี้เราก็ห่างกันสักพักละกัน
ให้พี่พิสูจน์ตัวเองว่าจริงๆแล้วการที่พี่ไม่มีฉัน พี่จะโหยหาไหม
(แต่ฉันว่าเป็นเพราะว่าพี่เบื่อฉันแล้สมากกว่า พอมีคนใหม่ พี่ก็สะบัดคนเก่าทิ้งทันที เป็นแบบนี้มาหลายคนแล้ว ได้ยินจากปากแฟนเก่าพี่เองเลย)
พี่บอกว่าห้ามไปพูดเรื่องสงครามการเมืองให้ผู้หญิงคนนั้น
พี่บอกว่ายังรักกัน
ฉะนั้นฉันจึงยังไม่สามารถจบเรื่องนี้ได้
เพราะว่าในเมื่อเราสองคนรักกัน แต่พี่ต้องไปเลือกคนนั้นเพราะเรื่องสังคม
ฉันก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน
ฉันอยากเอาพี่ออกจากตรงนั้น
พี่ตัดสินใจลงมาส่งฉันข้างล่าง
มาพักข้างล่างด้วยกัน
ผู้หยิงคนนั้นมาถามตอนที่ฉันกับพี่จะลงมาว่าสรุปแล้วจะเอายังไง
พี่บอกว่ายังไงก็ไม่เหมือนเดิมกะฉันแล้ว
แต่ฉันบอกกับเขาว่าที่พี่เลือกมันเพราะมีอะไรบางอย่าง เป็นสงครามการเมือง
พี่ไม่ได้รักเขา ฉะนั้นฉันไม่สามารถตัดพี่เขาได้หรอก
ผู้หยิงคนนั้นบอกว่าให้ฉันพักบนรร.กับมันก็ได้
มันจะไม่ให้ฉันลงมา
เพราะมันไม่อยากให้พี่ลงมาด้วย
แต่พี่ก็ยืนยันว่าจะลงมาส่งฉัน
และฉันก็พูดชัดเจนตรงนั้นว่า
ฉันจะยังเหมือนเดิมกับพี่
และบอกกับมันว่าช่วงนี้เราคงเจอกันบ่อยขึ้นนะ
และยังไงฉันก็ไม่ปล่อยพี่หรอก ฉันยอมให้พี่มีมันได้
แต่มันบอกว่ามันยอมไม่ได้
มันเป็นเดือดเป็นร้อน
ฉันและพี่ขี่มอไซค์ลงมาที่ตัวอำเภอ

ออกจากเมืองผี
ออกจากเมืองผีตอนค่ำ มันมืดแล้ว ฉันเตรียมเก็บกระเป๋าให้พี่ เอากางเกงขาสั้น เสื้อยืดของพี่ใส่กระเป๋า
พร้อใของใช้ที่จำเป็นต่อหน้าผู้หยิงคนนั้น
มันหน้าบึ้ง (ยัยหน้าอึ่งอ่าง)
เราขับรถคู่กันลงมาตลอดทาง
อากาศเย็นเหลือเกินข้างบนนั้น
นี่ฉันได้ตัวพี่มาแล้ว
แต่ว่าไม่อยากนึกถึงวันพรุ่งนี้เลย
วันที่ฉันต้องจากพี่มาจริงๆ
เรามาพักห้องพักด้วยกัน
พี่บอกว่าเรายังคบกันเมื่อเราอยู่ด้วยกัน
คืนนั้นแหละ ร้องไห้ปล่อยโฮ
แต่พี่ก็เงียบ
ฉันจึงต้องโทหาใครหลายคนที่ฉันสามารถอุ่นใจได้
พี่ยังมาบอกว่าฉันฟ้องผู้ปกครองทำไม?

พี่ยังบอกกะฉันอีกว่า
พี่ยังอยากไปเที่ยวบ้านฉันอีก
เฮ้อ
นี่ฉันเป็นไรไป
เรื่องราวข้างหน้าจะเป็นยังไง
ไม่สามารถรู้ได้เลย
เมือ่ออกจากเมืองผีได้แล้ว
ฉันหลั่งน้ำตาหหลายรอบ
กว่าจะขี่มอไซค์ลงมาได้
ฉันต้องจอดรถเพื่อเอากำลังใจจากเพื่อนที่อยุ่ทางไกล

ฉันอยากจะบอกว่า
ระหว่างลงมาจากอ.ชาติตระการ
ฉันสามารถมองเห็นต้นไม้ และสามารถสัมผัสมันได้
มันช่างวิเศษเหลือเกินหรือว่าฉันสามารถเอาชนะใจตัวเองได้แล้ว
หรือว่ายังแค้นใจอยู่นะ
ต้องเฝ้าดูจิตใจตัวเองต่อไป









วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2551

สิ่งที่หัวใจร้องขอมานาน

มิสเตอร์...........
นานแล้วนะที่ไม่มีคำนี้

หลังจากวันนั้นเมื่อสองปีที่ผ่านมา
ก็ไม่มีคำนี้อีกเลย
ทุกความรู้สึกบรจุอยู่ใต้ก้นหัวใจ

วันนี้เทอโทร
ว่าเราไปดูหนังด้วยกัน
เป็นการเจอกันในรอบสองปีกว่า
เป็นการดูหนังครั้งแรกของเรา

เราได้รอบหนังเวลา13.30 น.
ยังมีเวลาเหลืออีกชม.
กินข้าวด้วยกัน
กับข้าวมากมาย
แต่ฉันกลับกินไม่ลง
กินไม่อิ่ม
เทอมองหน้าฉัน
อมยิ้มอยู่ห่างๆ

ดีใจนะที่เทอมาเยือนกัน
ขอบคุนนะที่วันนี้มาสะกิดต่อมน้ำตา
ทำให้หัวใจฉันรุ่มร้อนอีกครั้ง

ความรักที่ฉันมีให้กับเทอยังไม่เคยไปไหนเลย
ยังอยู่ตรงนี้
รอเพียงเวลา ที่เทอจะมาขุดคุ้ย

ระหว่างนั่งรถกลับ
ฉันถามเทอเรื่องลูก+ภรรยา
เทอไม่ตอบ
เทออมยิ้มและบอกว่าฉันไม่ควรถามเรื่องคนอื่น
เปิดเพลงเก่าๆ"หัวใจขอมา" ที่เทอเพิ่งซื้อให้วันนี้
ทำให้น้ำตาไหล

ที่ๆเคยพบเทอ ตรงนั้น
ตรงที่ฉันนั่งอยู่
ตรงนี้
ตรงที่ฉันเคยนั่งข้างเทอ
ที่ๆเคยคุ้นตา
ที่ๆมีเรา

การเจอกันคราวนี้
เป็นการทวงความฝัน
เป็นความฝันที่ฉันมีให้กะเทอมาแสนนาน
แต่ว่ามันคงสิ้นสุดลงพียงแค่ตอนนี้
หลังจากฉันเขียนมันจบลง
ทุกสิ่งทุกอย่าง
จะถูกเก็บอยู่ก้นบึ้งหัวใจ
ตราบนานเท่านาน

และคงไม่มีการมาเยือน
การเจอกกันอีก

ความฝันที่เป็นไปไม่ได้
ความน่าจะเป็นเท่ากับศูนย์

แค่วันนี้ฉันได้เจอเทอ
ได้เห็นรอยยิ้มเทอ
แค่นี้ก็พอใจ
จนถึงบรรทัดนี้แล้ว
แต่เสียงเพลงยังดังก้องอยู่สองหู
"กลับมาคราวนี้ เพราะหัวใจมนขอมา ให้ตามหาความทรงจำ..."
ใจฉันยิ่งรุ่มร้อน ทวีมากขึ้นๆ ทุกที
เมื่อได้ยินถ้อยคำของบทเพลง
วันนี้จึงเป็นวัน
ที่ฉันเฝ้าคิดถึงวันที่ผ่านมาของสองเรา
ฉันนั่งนึกถึงความสดใสที่พอจะจดจำได้
วันนี้ฉันสูดความฝันจนชื่นใจ
เพราะว่าวันเวลามันได้พัดผ่านความฝันไปแสนนาน
แต่ว่าหัวใจฉันยังคอยทวงถามถึงตลอดมา

มันสมควรสับสนไหม
ฉันกำลังดีใจที่ได้พบหน้าเทอ
หรือว่าฉันกำลังเจ็บปวดกับการยอมรับและเห็นว่าเทอไม่ใช่ของฉัน

ได้แต่หวังว่า ฉันจะสามารถผ่านค่ำคืนนี้ไปด้วยดี

วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

แร้นมานก็คงไหวตัวทัน สุดท้ายกรุก็ศูนย์

มึนนนนนนนนน says:
...
มึนนนนนนนนน says:
กินข้าวเที่ยงยัะ
มึนนนนนนนนน says:
ทำไมไม่ทักล่ะ
มึนนนนนนนนน says:
เด๋วนี้ไม่ทักทายกันแล้วหรอ
มึนนนนนนนนน says:
คนเราอะเนาะ
มึนนนนนนนนน says:
ทำกันได้ลงคอ
................... .............. says:
เน็ตไม่ดีอ่ะนะ
................... .............. says:
เน็ตไม่ดีจิงๆ
................... .............. says:
ขออภัยจิงๆ
................... .............. says:
ว่างเหรอ
มึนนนนนนนนน says:
ว่างจิ
................... .............. says:
นี่ทามงานให่ ผอ อยผู่
มึนนนนนนนนน says:
ว่างสำหรีบพี่เสมอ
................... .............. says:
ร้องไห้หรือป่าว เมื่อคืน
มึนนนนนนนนน says:
ไม่
มึนนนนนนนนน says:
แต่อยากรู้ว่าพี่เลือกใคร
มึนนนนนนนนน says:
พี่ไม่ควรจับปลาสองมือนะ
มึนนนนนนนนน says:
กุจะไปเครียสามคน
มึนนนนนนนนน says:
เตรียมตัวไว้นะ
มึนนนนนนนนน says:
ระหว่างนี้พี่ก็ตัดสินใจไปนะ
มึนนนนนนนนน says:
มันถึงเวลาแล้ว
มึนนนนนนนนน says:
ที่เราจะจบเรื่องที่มันยาวนานเหลือเกิน
................... .............. says:
ไม่ต ้องขนาดนั้นหรอก
มึนนนนนนนนน says:
ไม่ได้
................... .............. says:
ได้จิ
มึนนนนนนนนน says:
เพราะว่าพี่ไม่พูดให้เครียสักที
มึนนนนนนนนน says:
ถึงเวลาแล้ว
มึนนนนนนนนน says:
ที่พี่ควรจะเลือก
มึนนนนนนนนน says:
เตรียมตัวไว้นะ
มึนนนนนนนนน says:
แค่พี่พูดว่า"เลิก" หรือว่า"เลือก" สั้นๆๆจบ
มึนนนนนนนนน says:
ต่อหน้ากุ๋และนังนั่น

วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ภาพบาดตา

ออนกันคืนวันอังคารที่ 29 ก.คง 51
Yarkpabpanfa says:
พี่วิ
Yarkpabpanfa says:
เรื่องมานเศร้านะ
Yarkpabpanfa says:
ปล่อยเอาไว้นาน อาจจะไม่ดี
Yarkpabpanfa says:
# สวัสดี!
Yarkpabpanfa says:
" อุ๊วะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮ่า
................... .............. says:
2
................... .............. says:

Yarkpabpanfa says:
'(h5)(h5)(h5)(h5)(h5)
................... .............. says:
งัย
Yarkpabpanfa says:
พี่
Yarkpabpanfa says:
ฟังเพลงอยู่มะ
................... .............. says:
ไม่อ่ะ
Yarkpabpanfa says:
เด๋วจาให้ฟัง
................... .............. says:
ไม่อ่ะ
Yarkpabpanfa says:
ก่อนเราจะเลิก
................... .............. says:
ไม่อยหา
................... .............. says:
ไม่อยากฟัง
Yarkpabpanfa says:
อืม
Yarkpabpanfa says:
ยังมีคนนั้นนั่งอยู่ข้างๆๆพี่ช่ายมะ
Yarkpabpanfa says:
กื๋อตี้ม้งเราเนี่ย มีเสน่ห์เนาะ
................... .............. says:
ไม่มี
................... .............. says:
ไม่มี
Yarkpabpanfa says:
อยู่ใกล้ใคร ก็มีแต่คนรัก
Yarkpabpanfa says:
อยากให้พี่มีความสุข
Yarkpabpanfa says:
เราออนเอมกันแบบนี้แล้วนึกถึงวันแรกที่เรารู้จักเนาะ
................... .............. says:
จาว่าอารัยก็ว่ามาสิ
................... .............. says:
เร็วๆ ง่วงแล้ว
Yarkpabpanfa says:
ตกลงพี่คบกะเขาหรอ
Yarkpabpanfa says:
ทำไมไม่ตอบกุอะ
Yarkpabpanfa says:
เมื่อกี้นี้
................... .............. says:
ไม่ได้คบ
Yarkpabpanfa says:
http://www.charyen.com/jukebox/play.php?id=9469
Yarkpabpanfa says:
แล้วทำไมไม่ตอบเมื่อกี้นี้
................... .............. says:
และจาไม่ได้ยุ่งอารัยกันแล้ว
Yarkpabpanfa says:
ให้รู้กันทั้งสามคน
................... .............. says:
แต่ก้อโทมาหาเรื่องเอง
Yarkpabpanfa says:
แน่ใจหรอ
Yarkpabpanfa says:
แล้วทำไมเขายังฟังอยู่ข้างๆๆพี่อีกล่ะ ตอนกุคุย
................... .............. says:
เพื่อควาวามสบายใจ
Yarkpabpanfa says:
พี่แคร๋มันหรอ
................... .............. says:
ว่ากู๋จา
................... .............. says:
พูดจิงหรือไม่
Yarkpabpanfa says:
แต่พี่ก็ไม่ตอบกุว่าพี่ไม่ได้คบเขาต่อหน้าเขา
................... .............. says:
จาได้ไม่มีปัยหากันอีก
Yarkpabpanfa says:
แต่สุดท้ายพี่ก็ไม่พูด
................... .............. says:
อื่ม
Yarkpabpanfa says:
ปัญหายังไม่จบ
Yarkpabpanfa says:
เพราะว่าพี่ยังไม่พูด
Yarkpabpanfa says:
เชื่อไหม
Yarkpabpanfa says:
พี่
................... .............. says:
คนอื่นจบหมดแล้ว เหลือก้อคนเดียว
................... .............. says:
เรื่องเลยไม่จบ
Yarkpabpanfa says:
กุยังระแวงมั้ง
Yarkpabpanfa says:
เพราะว่าพี่อยู่ใกล้เขา
................... .............. says:
คุ้ยกันไม่รู้จบสิ้น
Yarkpabpanfa says:
แต่เขาบอกว่าเมื่อกี้พี่ออนเอมกะเขา
Yarkpabpanfa says:
แต่ไม่เห็นออนกะกุอะ
................... .............. says:
คุยกัน 2 คำ
Yarkpabpanfa says:
เหมือนพี่แคร์เขามากกว่า
................... .............. says:
ทามงาน
................... .............. says:
ทาใงาน
Yarkpabpanfa says:
แล้วไมไม่ติดต่อมาบ้างเลยนะ
................... .............. says:
ไม่วางมาคุยเล่น
Yarkpabpanfa says:
เอางี้จิ
................... .............. says:
ยังไม่อยากคุย
Yarkpabpanfa says:
ตอนนี้ใจกุแกร่งขึ้นเยอะละ
................... .............. says:
อยากคุยแล้วจาโท
Yarkpabpanfa says:
อยากให้พี่เลือก
Yarkpabpanfa says:
พี่วิคะ

ก่อนจะมีการออนไลน์กะพี่
กุได้โทรหาพี่
พอดีผู้หยิงคนนั้นเป็นคนรับสาย
เลยถามว่าจริงๆแล้วพวกพี่ชอบกันใช่หรือเปล่า
(นี่กุ ยังแค่ต้องการคำพูดจากสองคนนั้น ที่มันจะทำให้กุเจ็บที่สุด เพื่อกุจะได้ทำใจได้)
แต่ผู้หยิงคนนั้นบอกว่าไม่ตอบ
จนได้คุยกะพี่
กุถาม
แต่พี่ไม่ตอบไรเลย
ยังคงได้ยินเสียงผู้หญิงคนนั้นอยู่ข้างๆหูพี่
เพราะเสียงมันชัด
ผู้หยิงคนนั้นก็อยากรู้ว่าพี่จะตอบยังไง
เหตุการณ์มันเหมือนตอนที่พี่มาหากุ
แล้วผู้หยิงคนนั้นโทมา
กุก็จะให้พี่พูด แต่พี่ก็เงียบตลอด

พี่อยู่ใกล้ใคร
ก็จะแคร์คนนั้น
พี่กำลังจับปลาสองมือ
ตอนนี้กุคิดว่าพร้อมแล้วที่จะเลิก
แต่ ยังมีแต่
เพราะว่ายังเหลือภาพและคำพูดที่จะทำให้กุลืมและทำใจยอมถอย
กุต้องจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด
ภายในต้นเดือนนี้
กุกะไว้ว่าวันเสาร์นี้กุจะขึ้นไป
เพื่อให้ได้เห็นภาพ ว่าพี่เขาอยู่กะคนนั้น
และกุอยากได้ยินจากปากพี่เขาว่า
พี่เขารักคนอื่นมากกว่า
เมื่อนั้นแหละ กุจึงจะทำใจลืมพี่เขาได้

ตั้งตารอวันที่จะได้เห็นภาพบาดตา
นี่แหละ ถึงจะทำให้คนหัวใจบ้าบอของกุ ลืมพี่ได้

วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

Zusu Khing: ไนท์

Zusu Khing: ไนท์

สาดดดด

กรุอยากให้เมิงบอกกะกรุ
กรุอยากรู้จากปากเมิง
และอยากเห็นกะตากรุ
แล้วเมื่อไหร่
กรุจึงจารุเรื่องราว
กรุอยากเจอ
กรุจะได้โล่งอกสักที
กรุจะตัดเมิงออกจากชีวิตกรุ แต่ก็ตัดไม่ได้สักที
เมิงควรช่วยกรุนะ
กรุอยากเห็นกะตา
และอยากได้ยินจากปาก
เมิงอย่าทรมานกรุเลยนะ ไอ้เหี้ย
สาดดดดดดดดดด

วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

เทอ

ฉันกำลังแอบชอบเทอ
ตอนนี้ฉันกะลังออนเอมกะเทอ
เทอจะรู้บ้างไหม
ว่าฉันอยากเห็นหน้าเทอ
เรานัดเจอกันหลังเทอสอบเสด
แต่ตอนนี้ห้าทุ่มกว่า
ฉันอยากเจอเทอเหลือเกิน

วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ฝ่ามืออรหันต์ แก้มซ้ายนางพญา

เหตุการณืมันเกิดขึ้นเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมา

วันพุธที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ความน่าจะเป็นของการเลิกกัน

เรื่องทั้งหมดที่กรุกะลังผะเชินอยุ่นี้
เพือ่นๆกรุทุกคนต่างลงความเห็นว่า กรุสมควร "เลิก"
มานมีทางออกทางเดียวที่กรุจะสามารถออกจากบ่วงนี้ได้

ช่วงนี้ไม่ว่ากรุจะพูดอะไร
จะคุยเรื่องอะไร
พี่เขาก็บอกว่าน่าเบื่อ
หรือว่าจริงๆแล้วกรุก็ทำตัวให้น่าเบื่อ
หรือว่าหัวใจเราสองคนไม่ตรงกันอย่างที่เพื่อนกรุว่า
ในเมื่อหัวใจไม่ตรงกัน
ก็ต้องหันหลังให้กัน
เราไม่สามารถหันหน้าแล้วมาคุยกันได้เลย
ต่างคนต่างไม่เชื่อใจกัน
แต่ที่แน่ๆกรุไม่เชื่อใจพี่เขามากกว่า
แต่เขาจะบ้างานอย่างเดียว
กรุจะ ไม่สิ กรุต้องเลิก
เจ็บทีเดียว
เจ็บอีกแค่ครั้งเดียว
อยู่ห่างกันขนาดนี้
พี่มีคนอยู่ใกล้กว่าคอยดูแลช่วยงาน
ส่วนงานที่พี่ให้กรุช่วย
หมดอารมณ์ที่จะช่วยแล้ว
มันไม่มีความรู้สึกดีๆที่อยากช่วยเหลือเขาอีกต่อไป
ความน่าจะเป็นที่จะเลิกกับพี่เขาจึงมีมากว่าคบต่อไป

ชิบหาย

กรุได้รับเมล์จากไอ้คนเฮงซวยคนนึง
มานถามว่ากรุแปลกใจไหมที่มันส่งเมล์มาหากรุ
มานบอกอีกว่านึกถึงกรุแล้วรู้สึกหวิวๆยังไงไม่รู้
เนื้อความอีเมล์มานว่าอย่างนี้ "แปลกใจหรือป่าวที่ส่งเมล์ให้ ไม่ต้องการอารัยหรอก นึกถึงก้อแล้วรู้สึกหวิวๆยังงัยไม่รู้ สบายดีนะ ยังงัยเสร์ทิต ถ้าไม่เหนื่อยเกินไปจะไปหาแล้วกัน แล้วาเรื่องที่ร้านช่อ เป็นงัยยบ้างไม่ได้ไม่เป็นรัยนะ เอาเป็นเดียวกุ๋ไปเคลียเองก็ได้ ช่วงนี้กู๋งานเยอะตามเคย และอาจยิ่งกว่าเคยอีกน่ะ เพราะว่ามีงานต้องฝึกเด็กเข้าร่วมแข่งขันวิชาการอีกแล้ว งานช้างอีกเหนื่อยกันอีกแล้ว แล้วเจอกันนะ"
เมื่อเช้ากรุอ่านแล้วมานน่าใจหาย
นี่หรอคนที่รักกันเขาคุยกัน
พี่เขาทำตัวเหินห่างกรุมากขึ้นทุกวัน

ก่อนหน้าที่เขาจะส่งความนี้มา
ศุกร์ที่แล้วกรุตัดสินใจโทรไปหา
หลังจากที่เขาเงียบไปนาน
กรุบอกเลิก
เขาเงียบ ไม่ตอบตกลง
ฉันบอกเขาว่าฉันจะเลิกกับเขาแน่นอน
ขอเวลาฉันสักพัก

กรุอ่านอีเมล์แล้วไม่สบายใจ
ตอนกลางวันกรุเลยโทไปถามให้เครีย
เพราะว่าข้องใจ
พี่เขาบอกว่าไม่มีอะไร
และขอไปทำงาน
เขาบอกว่าแค่นี้ทำไมต้องคิดให้เป็นเรื่องใหญ่ มันน่าเบื่อ
กรุบอก กรุก็เบื่อเหมือนกัน
กรุบอก งั้นก็เลือกสักอย่างซิวะ
แมร่งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ชิบหาย
แมร่งมานทำกะกรุได้
เจ็บจิงเลย

วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

เธอ เธอ และอีกเธอ

ช่วงนี้ สับสน
อะไรหลายอย่างเข้ามาในชีวิต
เธอคนที่มาทำให้ฉันรัก หลง และเจ็บช้ำ
และอีกเธอที่เข้ามาปลอบใจและทำดีกับฉัน
และอีกเธอ คนที่ฉันแค่มองตาก็สั่น หวั่นไหว

ฉันอยากจะคืนดีกับเธอคนแรก แต่ใจมันร้าวไปแล้ว
และความไว้ใจก็ไม่มีอีกต่อไป
พยายามต่อรอยร้าว แต่ความห่างทำให้หมดหนทางที่จะกลับมาดีกันเหมือนเดิม
แต่นั่นละ ยังทำใจยอมรับไม่ได้ กับการต้องเลิก เพราะยังรักเพียงคำเดียว

เธอคนที่สองเข้ามาในรูปแบบคนรู้จัก
เราคุยกันได้แทบทุกเรื่อง
คุยกับเธอแล้วโลกทั้งโลกเหมือนเป็นสีเขียว
(อย่าเพิ่งงง)
โลกใบนี้มีแต่ธรรมชาติ ความสบายตา สบายใจ
เราสองคนท่องไปตามสายลม สายฝน
ท่ามกลางแมกไม้ ภูเขา
เสียงเพลงคลาสสิคเบาๆตลอดเส้นทาง
วันเวลา ทำให้เราสองคนรู้จักกันมากขึ้น
ชอบเพลงแนวเดียวกัน
ชอบธรรมชาติเหมือนกัน
และชอบอะไรอีกหลายๆอย่างเหมือนกัน
แต่แล้ว ฉันก็ทำให้เธอผิดหวัง
ฉันเมาและร้องไห้ต่อหน้าเธอ
เพราะว่าฉันยังเสียใจกับเธอคนแรก
ความรู้สึกดีดีที่เธอมีให้ฉันคงหมดและจบลง

เพียงแค่ได้เห็นแววตาเธอก็ทำให้ใจหวั่นไหว
เธอคนที่สาม คนที่ฉันพยายามห้ามใจ
เราห่างกันสองปี
แต่นั่นมันไม่ใช่ปัญหาสำหรับฉัน
แต่ตอนนี้เหมือนเธอจะคิดกับฉันแค่พี่สาว
แต่ฉันแอบชอบเธอตั้งแต่เห็นเธอหนแรก
ล่าสุด เรากินมื้อเย็นด้วยกัน
เธอลอบมองฉัน
ฉันลอบมองเธอ
ต่างคนต่างหลบสายตา
ฉันคิดไปเองหรือเปล่า ว่าเธอก็มองฉัน
แต่นั่นมันไม่ใช่ปัญหาอีกเช่นกัน
หลังมื้อเย็นเราเดินตลาดนัดข้างมอด้วยกัน
ฉันเงยหน้าขึ้น
เจอะกับสายตาเธอที่กำลังมองมาที่ฉัน
ฉันหลบสายตา
เธอหลบสายตา
แต่
เมื่อคืนฉันโทรหาเธอ
เธอกำลังคุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง
เขาขอคุยกับฉัน
เขาคิดว่าฉันเป็นอะไรกับเธอหรือเปล่า
เธอบอกว่าเพิ่งรู้จักเขาแค่สามเดือน
แต่เขาบอกว่าเขาเป็นแฟนกับเธอ
แต่เธอยืนยันว่าไม่ใช่
แนไม่ควรสนใจกับเรื่องเขาใช่ไหม
ฉันควรสนใจแค่เรื่องเธอกับฉัน
ฉันอยากกินมื้อเย็นกับเธออีก
ฉันอยากดูแลเธอ
ฉันควรจู่โจมใช่ไหม
หรือฉันควรนิ่งไว้
และถ้าเธอรู้ความจริง
เธอยังจะคุยกับฉันไหม
หัวใจฉันชุ่มฉ่ำขึ้นมาอีกครั้ง
แต่ ความหวัง การรอคอย ยังอยุ่กับฉัน

วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

กะรัก-กะฎาคม

เมื่อวานมีเรื่องราวที่สุดแสนวิเศษเกิดขึ้นกับฉัน
มันช่างเป็นวันที่น่าตื่นเต้นที่สุด
มันหวิวๆในใจ
หัวใจฉันมันพองๆ
เมื่อได้นั่งอยู่ตรงหน้าเธอ
เมื่อต้องสบตากับเธอ
เหมือนทุกอย่างหยุดหมุน หยุดเดินทาง
เธอจะรับรู้เรื่องราวของฉันบ้างไหม
ฉันพยายามหาเรื่องชวนเธอคุย
และเธอก็แสนน่ารัก
รอยยิ้มเธอ
ทรงผมเธอ
สีผิวเธอ
และทั้งหมดที่เป็นเธอ
เธอลอบมองฉันตอนฉันเผลอ
เธอหลบสายตาเมื่อฉันหันไปเจอ
เราเดินตลาดนัดด้วยกัน
และฉันอยากไปกินข้าวกับเธอทุกวัน
ฉันอยากเดินข้างๆเธอ
ฉันอยากเจอเธอทุกๆวัน
ฉันอยากคุยกับเธอทุกคืนก่อนนอน
เดือนนี้
เป็นเดือนแห่งความรัก
ถึงจะไม่ใช่เดือนกุมภา
ก็ชื่อเดือนมันบอกว่าเป็นเดือนกะรักฯ
ฉันกำลังมีความรัก
ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้เธอรับรู้เรื่องราว
และเธอรักฉัน

วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

อึดอัด กดดัน

สองวันแล้วที่กรุปวดหัวข้างซ้าย ปวดหลังและปวดร้าวมาถึงหัวใจ
มันปวดที่หัวใจจริงๆนะคะ
เรื่องราวของกรุและพี่เขาจะดำเนินต่อไปยังไง
ไม่อาจรู้ได้เลย
มันจบไปแล้วหรือว่ายังไม่จบ
แต่เครียดเหลือเกิน
มันเครียดมาก
เครียดมาก โยงไปหลายเรื่อง
เรื่องงาน
เรื่องเศรษฐกิจ
เรื่องอื่นๆ
ประสาทกำลังกัดกินกรุ
สมองจะระเบิดแตกแล้ว
มันอึดอัด
กดดัน

วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2551

น้ำค้าง...ประทังหัวใจ

เป็นแค่หนอน ไร้ค่าที่หลงลืมตาเกิดมาท่ามกลางดอกไม้ ร่างกายผอมบาง ด
มกลิ่นหอม เย้ายวน หลากสีชีชวนให้หลงรักไม่ลาร้างหลงรักเจ้าช่อดอกไม้ทั้งใจ
ต่อให้หิวก็ฝืนก็ทน จะยอมไม่กลืนไม่กินดอกใบ ให้เจ้าดอกไม้ระคาย
แค่ใช้น้ำค้างเพื่อพอประทัง ตายังมองชื่นชมแค่เพียงดอกไม้
ไม่เคยคิดมองตัวเอง จนชีวิตเจ้าหนอนก็ตายลงไป
ยอมทำไปแม้ไม่มีใครจะมองเห็น หล่นร่วงลงไปทอดกายเป็นปุ๋ยดิน
โอ้เจ้าหนอน ผีเสื้อ ไม่เหลือเวลาตามฝันไม่ทันได้เติบโต ไม่ทันโผบิน
แล้วความรัก ของมัน จะทิ้งเรื่องราวอะไรให้ใครได้ยิน รักที่สร้างสรรค์ไม่ทำร้ายใคร
แค่ใช้น้ำค้างเพื่อพอประทัง ตายังมองชื่นชมแค่เพียงดอกไม้
ไม่เคยคิดมองตัวเองจนชีวิตเจ้าหนอนก็ตายลงไป
ยอมทำไปแม้ไม่มีใครจะมองเห็น แต่ดอกไม้ยังคงงดงาม เพราะปุ๋ยดิน

คติเตือนใจของผู้ที่ปรารถนาทุกอย่าง

เรื่องภายในย่อมสำคัญกว่าเรื่องภายนอกตน คนที่รู้เพียงเปลือกนอกย่อมสู้คนที่รู้ถึงแก่นไม่ได้ อดีต คือ ความฝัน ปัจจุบัน คือ ภาพมายา อนาคต คือ ความไม่แน่นอน คิดก่อนทำ อดทนไว้ พึงอภัย ไม่มีอะไรเป็นของเรา แม้แต่ตัวของเราเอง โกงคนอื่น เหมือนจุดไฟเผาตัวเอง เมตตาคนอื่น เหมือนสร้างบ้านให้ตัวเอง อย่าระแวงคนอื่น ยิ่งกว่าระวังตัวเอง ชีวิตไม่พอกับตัณหา เวลาไม่พอกับความต้องการ ที่พักครั้งสุดท้าย คือป่าช้า ถ้าท่านทำงานแข่งกับสังคม ความพินาศล่มจมจะตามมา ถ้าท่านทำงานเห็นแก่หน้า ท่านจะพบปัญหาเรื่อยไป ถ้าท่านทำตัวเห็นแก่ได้ ท่านอย่าหว ังน้ำใจจากเพื่อนฝูง ถ้าท่านกล้าเกินไป ท่านจะทำอะไรไม่สำเร็จ ถ้าท่านกล้าจนเกินงาม ท่านจะพบกับความเดือดร้อน ถ้าท่านขาดความพอดี ท่านจะพบกับความทุกข์อย่างมหันต์ ถ้าท่านขาดความยังคิด ชีวิตทั้งชีวิตจะหมดความหมาย ถ้าท่านทำใจให้สงบ ท่านจะพบกับความสุขที่เยือกเย็น ถ้าท่านมีความพอดี ท่านจะเป็นเศรษฐีในเรือนยาจก ถ้าท่านมีแต่ความงก ท่านจะเป็นยาจกในเรือนเศรษฐี ถ้าท่านมีเมตตาจิต ท่านจะมีญาติมิตรทั่วบ้าน ถ้าท่านเมตตาเกินประมาณ ท่านจะพบคนพาลทั่วเมือง ถ้าท่านคิดถึงความหลัง ท่านจะพบรังแห่งความเศร้า ถ้าท่านมีความมัวเมา ท่านจะพบความปวดร้าวภายหลัง ถ้าท่านทำดีเพื่อเด่น ท่านจะถูกขเม่นจากญาติมิตร ถ้าท่านทำดีเพื่อน้ำจิต ท่านจะมีชีวิตอยู่อย่างสบาย ถ้าท่านหวังพึ่งแต่คนอื่น ท่านจะต้องกลืนน้ำตาตัวเอง ถ้าท่านรู้จักใช้เวลา ชีวิตจะมีค่ากว่านี้ ถ้าไม่กินอยู่เท่าที่มี จะได้เป็นเศรษฐีเงินกู้ ถ้ามั่วสุมกับอมายมุข จะพบความทุกข์ในเบื้องปลาย ถ้าทำหูเบาตามเขาว่า จะต้องน้ำตาตกใน ถ้าพูดโดยไม่คิด เท่ากับพ่นลมพิษใส่คนอื่น ถ้าจริงจังกับโลกเกินไป จะต้องตายเพราะความเศร้า ถ้าต้องการความเป็นอิสระ ให้พยายามชนะใจตัวเอง ถ้าไม่รู้จักความทุกข์ จะพบกับความสุขได้ที่ไหนถ้าไม่ยอมปล่อยวาง จะพบกับความว่างได้อย่างไร ถ้าหาความสุขจากความมัวเมา ท่านกำลังจับเงาในกระจก ถ้าอยากเป็นคนงาม อย่าวู่วามโกรธง่าย ถ้าอยากเป็นคนสบาย อย่าเบื่อหน่ายความเพียร ถ้าอยากเป็นคนมั่งมี อย่าเป็นคนดีแต่จ่าย ถ้าอยากเป็นคนนำสมัย อย่าทำลายวัฒนธรรม ถ้าอยากเป็นคนมีเกียรติ อย่าเหยียดหยามคนอื่น ถ้าอยากเป็นคนความรู้ อย่าลบหลู่อาจารย์ ถ้าอยากหาความสำราญ อย่าล้างผลาญสมบัติ ถ้าอยากเป็นคนมีอำนาจ อย่าขาดความยุติธรรม ถ้าอยากเป็นคนดัง อย่าหวังความสงบ ถ้าอยากเป็นที่เคารพ ต้องพบความจบก่อนตาย อย่าทำตัวให้เด่น โดยการสร้างหนี้ให้ตัวเอง

วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2551

+3+

ต้องนิ่ง

ถ้านิ่งจริงๆ จะเกิดสิ่งดีๆขึ้น

เราต้องเคารพในตัวตนของเขา

ฟังให้เข้าถึงอารมณ์+ความรู้สึก

ฟังเขาแบบปราศจากอคติ

ติดตามเรื่องราวอย่างต่อเนื่องแต่บางเรื่องราวต้อง "แขวนไว้ก่อน"

ฉันรู้

ว่าทุกคนต้องการความสุข

เขาต้องการความสุข

ฉันก็ต้องการความสุข

ฉันจะฟังเหตุผลของเขาก่อน

และคิดว่าถ้าฉันเป็นเขา ฉันจะ...



ฉันจะให้เวลาเขาได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจ

ให้เวลาตัวเองได้ฟังเขาอย่างเข้าใจ

ฟังตัวเอง

ใช้ความคิด ความรู้สึก เหตุผล ว่าคืออะไร

แล้วฟังความเงียบ สะท้อนความคิดด้วย "สมาธิ"

ปล่อยให้ความคิดเรื่องของเราเดินทางไปช้าๆ

และให้ผ่าน 3 คำนี้ก่อน

นั่นคือ อดีต ปัจจุบัน อนาคต

เราเคยเจอเรื่องราวประมาณนี้ไหม เคยได้ยินอะไรมาบ้าง เคย(เคย)

วันวาน

ได้รับอีเมล์คำสั่งสั้นๆจากเขา ฉันไม่ได้ดีใจ
แต่ฉันกำลังคิด
ครุ่นคิด
เขาโทรมาในรอบ10วัน
เขาเมล์มาหาในรอบครึ่งเดือน
เขาเมล์สั้นๆ
"ช่วยพิมพ์...(งาน)ให้หน่อย และแยกของใครของมัน แล้วส่งมาทางเมล์นะ"
มีเพียงเท่านี้จริงๆ
เขาไม่เคยถามถึงความเป็นอยู่ของฉัน
นี่ถ้าไม่ใช่เรื่องงานเขาจะยังติดต่อมาหาฉันไหม

หรือนี่จะเป็นคำตอบ

ว่าเรื่องราวของเรา
จะเป็นแค่วันวาน...

วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2551

เมื่อเธอไม่พูดคำใดๆ

มันน่าประหลาด ที่เธอสามารถพูดกับหัวใจฉันได้
โดยไม่ต้องเอ่ยคำพูดแม้คำเดียว
เธอก็จุดประกายแสงไล่ความมืดได้
ต่อให้ฉันพยายาม ฉันก็ไม่มีวันอธิบายได้
ถึงสิ่งที่ฉันได้ยินในเวลาที่เธอไม่ได้พูดอะไรเลย
รอยยิ้มบนใบหน้าเธอ
บอกให้ฉันรู้ว่า เธอต้องการฉัน
ความสัตย์ซื่อในดวงตาเธอ บอกว่า เธอจะไม่มีวันจากฉันไป
สัมผัสจากมือของเธอ บอกว่า ไม่ว่าเมื่อใดที่ฉันล้มลง เธอจะคว้าฉันไว้
เธอบอกได้ดีที่สุด เมื่อเธอไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย ตลอดทั้งวัน
ฉันได้ยินผู้คนเอ่ยถึงเรื่องความรัก
แต่เมื่อเธอกอดฉันอยู่ตรงนี้ เธอทำให้ฝูงชนที่แวดล้อมหายไปหมด
ต่อให้คนเหล่านั้นพยายาม เขาก็ไม่สามารถอธิบายได้
ถึงสิ่งที่หัวใจของเธอและของฉันคุยกัน
เธอบอกได้ดีที่สุด เมื่อเธอไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่น้อย
รอยยิ้มบนใบหน้าเธอ
ความสัตย์ซื่อในดวงตาเธอ
สัมผัสจากมือเธอ
ล้วนบอกให้รู้ว่า
เธอต้องการฉัน
คิดถึงเธอที่สุด

นี่น่ะหรือ...ความตาย

14 วันเราสองคนไม่ได้เจอกัน พี่หายเงียบ

เหมือนเธอได้ลาลับจากโลกนี้ไปแล้ว
บนโลกใบนี้ไม่มีเธออีกแล้วใช่ไหม
ฉันกำลังเหยียบผืนดินเดียวกะที่เธอเหยียบใช่ไหม
ทำไมไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอ
ไม่ได้ยินเสียงคุย
ไม่ได้ยินเสียงหัวเราะ
ไม่มีลมหายใจอีกต่อไป

และนี่คือสิ่งที่หลงเหลืออยู่
ซาก
แล้วศพละ
มันอยุ่ไหน
ใครเจอ
บอกได้ไหม

มันทรมานมากกับการที่ต้องอยู่เหมือนเอได้ตายจากไปแล้ว
หายเงียบ
ไม่มีเสียงใดๆ
ความมืดเข้าครอบงำฉันในทุกย่างก้าว
หรือว่าฉันกำลังจะลาลับจากโลกนี้ไปแล้ว
หรือว่าความตายกำลังบังเกิดกับฉัน

หรือว่าฉันควรทำความเข้าใจกับการตาย! การจากไป ของเธอ
หรือว่าฉันควรทำใจกว้างกว่านี้
หรือว่าฉันไม่ควรใส่ใจกับเรื่องการจากไปของเธอ
ค่าของคน
ค่าของฉันมีแค่ไหน
มีแค่ที่มีให้เธอน่ะหรือ
เกิดมาเพื่อตาย
และฉันก็สมควรตายแล้วใช่ไหม
หรือใครที่สมควรตาย
หรือทุกคนที่ต้องตาย

หรือไม่มีใครๆที่ต้องตาย
แต่ว่าเหมือนฉันได้ถูกความตายทำให้พรากจากเธอ
เธอได้ตายไปแล้วจริงๆ

วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2551

แลไปหน้า

ผ่านไปอีกวันกับการต่อสู้กับจิตใจของตนเอง

มันไม่ง่ายเลย ที่จะเป็นตัวของตัวเอง

ชีวิตต้องอิงแอบกับคนอื่นเสมอไป เรื่อยมา

มันเหมือนชีวิตนี้เกิดมาเพื่อเสาะหาใครสักคน

ที่จะมาอยู่ดูแลกันตลอดยี่สิบสี่นาฬิกา

หรือว่าจริงๆแล้วไม่อยากจะมีใครสักคน

มันสับสนและวกวนบานหนทางในทุกย่างก้าว

เลือกได้ไหมว่าจะไปทางซ้ายหรือขวาดี เลือกสักทาง

หรือฉันจะอยู่แบบนี้ แบบที่ไม่มีจุดยืนเป็นของตัวเอง

อย่าได้ไปตามเส้นทางที่ใครอื่นเขานำไป

และอย่าได้ไปอิงแอบ พึ่งพิงใครอีกเลยได้ไหม

และอย่าให้มันเป็นคำถามอยู่แบบนี้ไปตลอดได้ไหม

ให้มันเป็นรูปธรรมชึ้นมา สามารถมองเห็นและจับต้องได้

ได้เวลาให้อาหารตัวเอง

ให้อาหารจิต อาหารใจ

ใส่ใจกับสุขภาพตัวเอง

มุ่งมั่นในสิ่งที่ฝัน

วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2551

สิ่งที่นำไปสู่จุดวิกฤติ

ความรักเป็นสิ่งที่เกิดจากใจไม่อาจบังคับกันได้
ความรักที่แท้จริงคือความปรารถนาดีต่อคนที่ตนรักความยินดีที่คนที่คนรักมีความสุข
การให้อภัยเมื่อคนที่ตนรักทำผิด
และการเสียสละความสุขของตนเพื่อความสุขของคนที่ตนรัก
กรุปรารถนาจะยึดครองพี่เพื่อความสุขของกรุเอง
เมื่อไม่สมหวังกรุก็เลยอยากฆ่าพี่
เป็นความคิดและการกระทำที่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ของกรุโดยฝ่ายเดียว
มิได้คำนึงถึงจิตใจและความรู้สึกของพี่
หาใช่ความรักไม่
หรือที่ผ่านมาทั้งหมดนั้น
กรุไม่ได้รักพี่เขาเลย
หรือว่าเพราะอะไร
ทำไมกรุถึงอยากจะฆ่าพี่
อยากจะยิงด้วยปืน
อยากจะแทงด้วยมีด
สิ่งที่กรุทำลงไปแล้วมันเป็นการแสดงความก้าวร้าว
มากขึ้นๆทุกวัน
เวลาที่กรุเครียดที่สุดคือ
เวลาที่กรุนึกภาพตอนที่กรุไปยิงพี่เขาและระเบิดสถานที่ตรงนั้นให้แหลกกระจุย
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะกรุแค้น ยูเนียน รัก ยูเนียน เห็นแก่ตัว หรืออะไรใดๆๆอีกเหรอ
ใครช่วยให้คำตอบกรุที
ก่อนที่กรุจะ...ลงมือ

ชีวิตหลังการทำลาย

หลังจากเกิดเหตุการณืต่างๆ ที่มานรุนแรงจนรับไม่ไหว
ฉันหักมือถือแบบพับของพี่ ใช้กรรไกรตัดผ้าห่มและเสื้อผ้าของพี่ฝากไว้ในห้องทั้งหมด
รวมทุกอย่างที่ฉันเคยทำลาย ที่เกิดขึ้นมานานกว่านี้ คือ ทำลายสร้อยคอกะผ้าคลุมไหล่ ทิ้งไปแล้ว
รวมทั้งฉีกรูปของพี่ทิ้งหมดแล้ว
แต่มานก็ยังไม่อาจช่วยให้ฉันเลิกและลืมเขาได้เลย
นี่มานเกิดไรขึ้นกับฉัน
ฉันเป็นโรคประสาท!!!!
หรือว่าฉันเป็นบ้า
มานน่ากลัว
มานมืดมน
หาหนทางไม่เจอ
ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้จริงๆ
การที่พี่เขาอยู่ใกล้ผู้หญิงคนนั้นและไม่สนใจกัน
แต่พอลงมาข้างล่างก็ยังทำเป็นสนใจฉันเหมือนเดิม
มานช็อค!!!
เรื่องการทำลายข้าวของนั้น มีคนบอกไว้ว่า จะนำไปสู่การสูญเสีย
หากได้ใช้ชีวิตคู่ มานก็คงเจอกะความวิบัติ
สงครามแห่งจิต
ฉันจะต่อสู้กับมันต่อไปได้อย่างไรเล่า
มืดแปดทิศ
หรือว่าเรื่องราวของเรากำลังจม
จมดิ่งสุ่ก้นทะเลลึก

วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ติดชายเจ้าชู้

ก็เพิ่งรู้ ว่าชายเจ้าชู้คือของเสพติด
ถ้าไม่มีแล้วมันหงุดหงิด กรูติดผู้ชายเจ้าชู้
ความหล่อ ความสมาร์ท

ความปากหวาน การเอาใจเก่ง
มันหาจากใครไม่ได้จริง ๆ
มันเหมือนชายเจ้าชู้มีบางสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยจริง ๆ ต้องลงแดง
ถ้าไม่มีชายเจ้าชู้คงต้องกลิ้งลงไปกองอย่างกับหมา โฮ่ง โฮ่ง

คล้าย ๆ กับสุรา แต่โรคนั้นคงรักษาได้สักทาง จั๊ดจาแด๊บ ๆๆ (ลงแดง)
โรคมันไม่หาย และดูคล้ายยืดเยื้อ
เป็นโรคพิษชายเจ้าชู้เรื้อรังบางทีหัวเราะเสียงดัง ๆ
บางทีก็ร้องนอนครวญคราง เอาซักทางได้ไม๊
ในบางครั้งกรูยังเคยคิดเลิกเด็ดขาด
ได้เจอชายเจ้าชู้แล้วขยาด
แต่พอได้เจอผู้ชายหล่อๆเดินเกลื่อนกลาด ก็ยิ่งมองเล้ย

วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2551

หรือว่ากรูจะป่วย
กรูคิดมากไปหรือไม่งะ
กรูว่างเกินไปน่ะหรอ
ชีวิตกรูไร้ค่าขนาดนี้เลยหรอ
มันจะเป็นได้แค่นี้เองหรอ
หรือนี่เป็นเพียงแค่ก้าวแรกของการใช้ชีวิต
หรือว่านี่คือหลุมดำที่กรุกะลังต่อสู้เพื่อปีนป่ายขึ้นมา
หรือว่ากรูกำลังอยู่ในห้วงแห่งความพะวง
มันเป็นคำถามหรือบางทีฉันอาจรู้สาเหตุแล้ว
แต่นั่นมันเป็นสิ่งที่พูดออกมาไม่ได้
หรือว่ากรูไม่อยากพูดความจริงออกมาเอง
หรือว่ากรูไม่ยอมรับความจริง หรือกรูยอมรับความจริงไม่ได้

ตอนนี้กรูหมั่นไส้ยัยคนนั้นเหลือทน
มันชอบคนที่กรูชอบด้วย
และมันก็ได้อยู่ใกล้ๆในทุกๆวัน
กรูอิจฉามัน
อิจฉาๆๆๆๆ ได้ยินไหม
กรูอยากเป็นคนที่ได้อยู่ใกล้ๆคนที่กรู่ชอบบ้าง
กรูอยากประสบความสำเร็จในด้านนี้บ้าง
ทำไม มันไม่ได้เลยหรือ
หรือว่ากรูจะไม่สามารถมีความรักที่แท้จริงและบริสุทธ์ได้
หรือว่าอะไรอีกเยอะแยะ แต่กรู่ไม่อยากพุดเพราะกรูไม่อยากพุด
หรือว่าเพราะอะไร อะไร อะไร
ทำไมกรูต้องคิดมาก
หัวกรูจะระเบิดแตกตาย
หากได้ระเบิดตรงนี้เลยคงจะดีมากทีเดียว
แล้วกรูจะมีวันนั้นไหม
วันที่กรูได้อยู่ใกล้ๆเมิง...
กรูละไม่เข้าใจเลย
ทำไมพี่ถึงได้หายเงียบอีกแล้ว
นี่ผ่านมาได้3วันแล้วนะ
ไม่มีวี่แววข่าวคราวจากพี่บ้างเลย
กรูพยายามโทรหา
แต่ก็มียัยคนนั้นมารับสาย และยังทำเป็นไม่ได้ยินอีก
กรูละหมั่นไส้จริงเลยเชียว
วันนี้กรูโทรหาตั้งแต่เช้า
ก็ไม่ได้คุย
เมื่อวานตอนเย็นกรู่โทรไปพี่ก็ไม่อยู่รร.
พี่คงสนุกกะงานจนลืมกรูไปแล้วจริงๆ
พี่ไม่สนใจกรูเลย
หลายคืนแล้วที่กรูฝันร้าย
ฝันว่าพี่มาหากรูด้วยใบหน้าที่อิดโรย
ไม่มีความสุขเลยประมาณนั้น
กรูรุ้สึกแย่ว่ะ
และวันที่กรู่ไปหาพี่ที่นครไทย
พี่นอนอยู่ข้างๆๆกรู
แต่กรูว่ากรูยังฝันร้าย
ฝันว่าพี่มาหาฉัน แต่พี่ไม่พูดด้วยเลย
มันเป็นลางสังหรณ์ใช่ไหม
ช่วงนี้กรูจะเป็นประสาทตาย
ไม่ได้ระบาย
เครียดหลายเรื่อง
ทั้งเรื่องพี่ เรื่องเศรษฐกิจ
เรื่องงาน
สารพัดถาโถมเข้ามา
กรูจะตายไหมเนี่ย ภายในอาทิตย์นี้
กรู่อึดอัด
อยากจะระบาย
กรูกะพี่ใช่เนื้อคู่กันหรือเปล่าวะ
ทำไม แล้วก็ทำไม
กรูจะได้ทำใจ
กรุไม่อยากเป็นคนที่ไม่ใช่สำหรับเขาในอนาคตข้างหน้า
กรูไม่อยากเจ็บมากกว่านี้
กรูยินดีออกจากชีวิตพี่ ถ้าพี่ไม่ต้องการ
แต่กรูขอรุ้ ณ ตอนนี้ได้ไหม
และถ้าเป็นเนื้อคู่กันจริง
กรูจะได้มีโอกาสได้อยู่ใกล้ๆพี่ตลอดไหม
กรูจะได้อยู่ดูแลตลอดไหม
กรูอยากรู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
พี่ช่วยบอกได้ไหม
หรือว่าใครๆที่รู้
ช่วยบอกที
พักเที่ยงละ
กรุออกไปกินข้าวก่อน
กรูหอบเอาลำตัวอันห่อเหี่ยวไปแ - กข้าวก่อน
(เริ่มใช้คำหยาบละ)

สายลม สายฝน กะ เสียงเพลง

ตอนนี้เปิดเพลง Je Mappelle Helene ท่วงทำนองเป็นอย่างเช่นวันนั้น
ของเราสองคน
วันที่เราเจอกันตอนแรกเริ่ม
เราเจอกันท่ามกลางสายฝน สายลม
เทอเข้ามานั่งอยู่ข้างๆกายฉัน
เป็นเพลงประกอบหนัง Colla
เป็นหนังที่ยังคงตราตรึงในหัวใจ
ฉันมอบดอกไม้ให้เทอ
โดยที่เทอไม่เคยรู้มาก่อนว่าเป็นฉัน
จนวันหนึ่ง
เทอก็ได้รู้ว่าเป็นฉัน
ที่แอบส่งดอกไม่ให้เทอทุกวัน
ในที่สุดทั้งสองคนก็ลงเอยด้วยการรักกัน

วันนี้ฉันนั่งเหงาอยู่คนเดียว
กะสายสม สายฝน เสียงเพลง
ทำไมถึงได้เศร้ามากมายขนาดหนัก
พอถึงท่อนฮุก เสียงสูง น้ำตาเล็ดรอด
คิดถึงวันนั้น ของเราสองคน
วันนี้เราสองคนต้องห่าง
เทอยังจะมั่นคงจิตใจหรือไม่ ไม่อาจรู้เลย
รู้แต่ว่า โชคชะตามันได้กำหนดไว้แล้ว
วันนี้เป็นวันแรก
ที่ฉันมีอารมอ่อนไหว
จนน้ำตาไหล
นั่นมันเป็นเพราะสายฝน สายลม กะบทเพลงใช่ไหม
มันเป็นสิ่งทั้งสามที่ฉันหลงไหล
แต่มันยังขาดบางอย่าง
สิ่งนั้นก็คือเทอ
คนที่จะทำให้ฉันหายหนาว ไม่เปียกฝน และหยุดร้องไห้
ตอนนี้เทออยู่บนนั้น
คงจะได้เจอกับสายลม สายฝนด้วยเช่นกัน
ฉันคิดถึงคุณ บทเพลงยังคงบรรเลงต่อไป ท่วงทำนองเสียงสูงทำใจฉันเจ็บปวด
ฉันอยากเห็นหน้าเทอ
ฉันอยากให้เรื่องราวของเราลงเอยอย่างเช่นในหนังเรื่องนี้
ไอ เลิฟ ยู กั่วลิ