ผู้ติดตาม

วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2551

รอต่อไป

สาเหตุที่ฉันยังต้องรอพี่ต่อไป
1. ฉันจะรอพี่ต่อไปอีก 10 ปี (ปี2552-2562)
2. ช่วงนี้ฉันควรปล่อยให้เจ้าผีเสื้อน้อยผู้น่ารัก ได้โผบินไปตามหาตัวเอง ฉันจะไม่คอยวิ่งไล่จับอีกแล้ว ฉันจะไม่สร้างความกดดันให้กับพี่อีก เพราะการที่ฉันวุ่นวายกับชีวิตพี่มากเกินไป มันยิ่งทำให้พี่หนีไปไกลจากฉันมากขึ้นทุกที
3. ฉันจะรอจนกว่า สักวันหนึ่ง พี่จะกลับคืนมา เพราะว่าฉันรักพี่
4. แม้คำตอบของการรอจะเป็นเช่นใด แต่ฉันก็ยังอยากพิสูจน์จิตใจตัวเองเหมือนกัน ว่าแท้จริงแล้วฉันน่ะ รักพี่มากมายแค่ไหน
5. เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป้นเพราะอารมณ์ และเกมการเมืองเท่านั้น ซึ่งแท้จริงแล้ว เราสองคนต่างรู้สึกดีๆกันมากมาย
6. ฉันยอมให้พี่มีคนอื่นด้วยได้ ขอแค่พี่มีความสุข ฉันยอมได้ แต่จำเอาไว้ว่า ยังไงฉันก็ยังรอพี่เป็นคนนิสัยดี จึงไม่แปลกเลยที่จะมีคนอื่นมาชอบ มารัก อันนี้ฉันทำความเข้าใจใหม่แล้ว
7. ไม่ใช่ว่าฉันไม่มีค่า แต่ว่าเป็นเพราะว่าฉันวู่วามเกินไป ไม่เชื่อฟังพี่ จึงถูกพี่ทำร้ายน้ำใจไปมากมาย ความรู้สึกมันอาจดุแย่ แต่ว่าทั้งหมดนั้นเป็นเพราะว่าแนรักพี่ แต่ว่าต่อจากนี้ไป ฉันจะได้เรียนรู้ใจตัวเองมากขึ้น ว่าจริงๆแล้วเราสองคนต้องใช้เหตุผลมากกว่านี้
8. ฉันว่าให้พี่แรงเกินไป แต่นั่นเป็นเพราะความโกรธ ที่พี่อยู่ใกล้คนอื่น และไม่ให้ความสำคัญกับฉัน แนสำคัญตัวเองมากเกินไป ซึ่งแท้จริงแล้ว ทุกคนต่างก็มีค่าเท่ากัน แต่บางเวลาฉันก็อดคิดไม่ได้ว่าฉันเป็นที่หนึ่งของพี่
9. ช่วงนี้ฉันจะพยายามไม่โทหาพี่นะ เพราะแนรู้ว่าถ้าพี่พร้อมที่จะคุยกับฉันเมื่อไหร่ พี่ก็คงจะโทมาเอง
10. เป็นห่วงพี่ตลอด

โตะหินอ่อน ใต้ตึกเกษตร

เมื่อวานตอนเย็นขี่มอไซค่ไปวิ่ง
ผ่านข้างตึกเกษตรผ่านโตะหินอ่อนตัวนั้น
ตัวที่พี่กะกู๋นั่งต่างคนต่างเริ่มทำความรู้จักกัน
พี่ถามว่าแผลที่คอกู๋เป็นไรหรอกู๋เขิน อายจนต้องขอตัวไปห้องน้ำพี่ก็เป็นคนตรงๆเหมือนกันนะบางคำถาม กู่แทบจะตอบไม่ได้ในทันทีเลยต้องไปทำใจในห้องน้ำก่อน เพราะว่า ณ เวลานั้น อาย และเขินตัวเอง
ท่านั่งของพี่ อยู่ในท่าเหยียดขายาว ขึ้นพาดบนม้านั่งอีกตัวนึงสายตาหวานค่นั้นกู๋ยังจำได้ดีลักยิ้มตรงมุมขวา ส่องประกายมาเป็นระยะๆกู๋อยากจะไปนั่งตรงโต๊ะตัวนั้นแต่ว่ากลัวเหลือเกินกลัวว่าจะคิดถึงพี่จนมากเกินไปเลยผ่านไปวิ่งและไปตีแบตกับเพื่อนๆขากลับถนนสายนั้นข้างตึกเกษตร
ถนนสายที่พี่ต้องจูงรถมอไซค์และบอกกะกู๋ว่า พี่อยากอยู่กะกู่นานๆเลยไม่อยากขับมอไซค์พี่จูงมอไซค์อย่างมีความสุขกู๋ก็สุขไม่แพ้กันจูงจนถึงหน้าหอพักกู๋แล้วพี่ก็ส่งยิ้มมาก่อนที่พี่จะลาจากไป
ตอนนี้ ก้อเป็นยังไงบ้างน้ากู่อยากเจอก้อมากมายเหลือเกิน
รอก้ออยู่นะ
มาหากัน
เรายังเป็นคนเดิมของกันและกันใช่ไหม
อย่าโกรธกู่นานไปกว่านี้เลยรู้ นะว่าก้อไม่ชอบที่กู่ไปหาก้อถึงข้างบนนั้น
ก้อคงโกรธและเกลียดกู๋มากกู๋ขอโทษ ก้อให้อภัยกู๋เถอะนะเรารักกันไม่ใช่หรออย่าโกรธกู๋นานเลย
มายเบบี้
คิดถึง

จับมือกันไว้ แล้วไปด้วยกัน

ฉันหนาวเหลือเกิน
พี่จับมือของฉันไว้
ฉันพยายามซุกมือของฉันไว้รอบตัวพี่
พี่ช่างอุ่นเหลือเกินเราเดินทางกันเป็นคณะใหญ่มีทั้งเพื่อนร่วมงานที่นี่ ญาติๆที่บ้านฉันและพี่เราสองคนเดินไปด้วยกันจับมือกัน มันช่างดีแสนดีพี่คอยดูฉัน ฉันคอยยิ้มให้พี่ตลอดทางระหว่างทาง ที่พักกัน พี่โอบกอดฉันไว้ในอ้อมแขน มันช่างอบอุ่นเหลือเกิน เมื่อเรามาถึงที่หมายต่างแยกย้ายกันเข้าพักฉันและพี่พักห้องเดียวกันฉันอยากกอดพี่เหลือเกิน ฉันโหยหาพี่
ฉันมีความสุขจิงเลย ที่ได้อยู่กับพี่
แล้วเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งก็ชวนให้ฉันไปที่ไหนสักแห่งเหมือนไปอีกที่นึงแต่เป็นที่ๆน่ากลัวฉันอยากกลับไปหาพี่ทันทีและฉันก็รีบเดินกลับมาหาพี่ที่ห้องทันทีฉันอยากเจอพี่เท่านั้น แต่....พอมาถึงหน้าห้องฉันต้องสะดุ้งตื่น นี่ฉันแค่ฝันไปฉันไม่ได้อยู่กับพี่พี่ไม่ได้มาหาฉันหรอเนี่ย แต่ว่ารอยสัมผัส อุ่นไอร้อนในฝันเมื่อกี้ ฉันยังจำได้และยังสัมผัสได้ เหมือนฉันเพิ่งได้รับอ้อมกอดจากพี่ไปเมื่อกี้นี้เองฉันหลับตั้งแต่เย็น18.00สะดุ้งตื่นอีกทีก็สามทุ่มครึ่ง หลายวันนี้ฉันฝันว่าพี่มาหาฉัน และอยู่กับฉันบ่อยเหลือเกินพี่คะพี่จะฝันถึงฉันบ้างไหม

โต๊ะหินอ่อนตึกเกษตร

เมื่อวานตอนเย็นขี่มอไซค่ไปวิ่ง ผ่านข้างตึกเกษตรผ่านโตะหินอ่อนตัวนั้นตัวที่พี่กะกู๋นั่งต่างคนต่างเริ่มทำความรู้จักกันพี่ถามว่าแผลที่คอกู๋เป็นไรหรอกู๋เขิน อายจนต้องขอตัวไปห้องน้ำพี่ก็เป็นคนตรงๆเหมือนกันนะบางคำถาม กู่แทบจะตอบไม่ได้ในทันทีเลยต้องไปทำใจในห้องน้ำก่อน เพราะว่า ณ เวลานั้น ทั้งอาย และเขินตัวเอง

ท่านั่งของพี่ อยู่ในท่าเหยียดขายาว ขึ้นพาดบนม้านั่งอีกตัวนึงสายตาหวานค่นั้นกู๋ยังจำได้ดีลักยิ้มตรงมุมขวา ส่องประกายมาเป็นระยะๆ

เวลานี้ กู๋อยากจะไปนั่งตรงโต๊ะตัวนั้นแต่ว่ากลัวเหลือเกินกลัวว่าจะคิดถึงพี่จนมากเกินไป

เลยผ่านไปวิ่งและไปตีแบตกับเพื่อนๆขากลับ ถนนสายนั้นข้างตึกเกษตรถนนสายที่พี่ต้องจูงรถมอไซค์และบอกกะกู๋ว่า พี่อยากอยู่กะกู่นานๆเลยไม่อยากขับมอไซค์พี่จูงมอไซค์อย่างมีความสุขกู๋ก็สุขไม่แพ้กันจูงจนถึงหน้าหอพักกู๋แล้วพี่ก็ส่งยิ้มมาก่อนที่พี่จะลาจากไป

ตอนนี้ ก้อเป็นยังไงบ้างน้ากู่ อยากเจอก้อมากมายเหลือเกิน รอก้ออยู่นะ มาหากันเรายังเป็นคนเดิมของกันและกันใช่ไหม อย่าโกรธกู่นานไปกว่านี้เลยรู้นะว่าก้อไม่ชอบที่กู่ไปหาก้อถึงข้างบนนั้นก้อคงโกรธและเกลียดกู๋มากกู๋ขอโทษ ก้อให้อภัยกู๋เถอะนะเรารักกันไม่ใช่หรออย่าโกรธกู๋นานเลย

มายเบบี้

คิดถึง

วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ฮาราคีรี

_อยากจะฆ่าตัวตายด้วยวิธีนี้จริงเลย
ใช้มีดแทงเข้าไปที่ท้องด้านซ้าย
ถ้ายังไม่ตาย ให้ใช้แรงเฮือกสุดท้ายชักมีดมาทางด้านขวาของช่องท้อง
และถ้ายังไม่ตายก็จะชักมีดขึ้นด้านบานช่องท้อง
หรือไม่ก็คือ แทงมีดเข้าไปแล้ววาดให้เป็นตัวเลข 1
การตายแบบนี้
มันคงทรมานน่าดู
ศพอาจไม่ค่อยสวย
แต่เชื่อสิ ว่าทุกคนจะต้องจำฉันได้แน่นอน
ฉันไม่อยากตายแบบวิธีธรรมดา
ฉันอยากตายด้วยวิธีฮาราคีรี

วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2551

"The Lerk"

สิงห์นักบิดเข้าสิง
ทนเก็บความรู้สึกคับข้องใจไว้ไม่ไหวแล้ว ก็เรื่องมันเกิดขึ้นบ่อยมาก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
มาครั้งนี้ พี่ก็ยังไม่เครียอีก
แถมยังเงียบอีก
ฉันจึงบอกเลิกๆๆพี่ไป
เหตุผลก็คือพี่โกหก หลอกฉัน
พี่บอกกับคนทางนั้นว่าพี่ไม่ได้ชอบฉัน แต่ฉันน่ะ ไปชอบพี่อยู่ฝ่ายเดียว
เจ็บใจนักที่พี่มาจับปลาสองมือไว้แบบนี้
ตอนบ่ายวันศุกร์ที่15ส.ค.51 เลยด่าพี่ไปทางเอ็ม
"สารเลว ไอ้ชาติชั่ว ชาติหมา ไอ้คนเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัว ทำตัวอย่างกะพวกผู้ชายขายตัว สำส่อนไม่เลือกที่
ครูแบบนี้ลาออกแล้วไปขายบริการยังจะดีกว่าอีก แบบอย่างเลวๆแบบนี้ไม่เหมาะที่จะเป็นครูไทยหรอก
แมร่ง ไอ้บัดซบ ไอ้เหี้ย ฯลฯ "
ตอนที่ฉันด่าพี่แบบนี้ไป
พี่ก็บอกว่าพี่มีเรื่องดีๆหลายเรื่องเลยที่อยากจะคุยด้วย
แต่พอมาเจอคำด่าของฉันพี่เลยจอดดดด
พี่คงไม่เคยคิดว่าฉันน่ะแค้นพี่มากแค่ไหน
ฉันสามารถฆ่าพี่ได้เลยนะเนี่ย ถ้ามีอาวุธนะ
มันแค้นใจนัก ที่พี่อยู่บนนั้นกะคนนั้นและไม่สนใจกันเลย
พี่เบื่อแล้วก็มาทิ้งกันง่ายๆๆแบบนี้ไม่ได้หรอก..
เพราะฉะนั้น
เช้าวันเสาร์ที่ 16 ส.ค.51 ฉันก็ควบมอไซค์ บิดขึ้นไปรร.พี่ทันที
เพราะว่าฉันอยากจะคุย อยากจะเจอพี่ คุยให้รู้เรื่อง
แต่พี่บอกว่าติดงานเรื่องเตรียมงานสัปดาวิทย์
พี่บอกอีกว่าอย่าเพิ่งขึ้นไปตอนนี้เลย เพราะว่าผอ.จับตามองอยู่ เด๋วเรื่องมันจะไปกันใหญ่
พอเจอห้ามแบบนี้ ใจก็ไม่นิ่งแล้วววว
ต้องลุย
บิดมอไซค์ ไป ระยะทางประมาณ150 กม. (เป็นลูกรัง 50 กม.)
บิดด้วยความเร็ว 80-110 กม./ชม. สลับกันตลอดเวลา
ก็ใจฉันมันร้อนรน อยากจะเจอหน้าไอ้คนโกหก อยากจะไปให้เห็นว่าพวกพี่สองคน "รักกัน"
ฉันอยากเห็น อยากรู้ เพื่อที่ฉันจะได้สามารถเอาชนะใจตัวเองได้ ฉันจะได้ไม่เครียดมากเรื่องพี่อีก

เข้าเมืองผี
เมื่อเข้าสู่ตัวอ.นครไทย ใจก็เริ่มหวั่น ทำไมมันน่ากลัวแบบนี้
แต่นั่นละ ฉันก็ยังรู้สึกตัวอยู่ ฉันมีจุดหมายคือไปยังเมืองผี
เข้าสู่ตัวอ.ชาตริตระการ แวะกินข้าว พักเหนื่อย เป็นการเดินทางที่เหนื่อย และน่ากลัวเหลือเกิน เพราะสิ่งที่ฉันกำลังจะได้รับรู้ นั่นคอการสูญเสีย
พอถึงทางแยกขึ้นหมู่บ้านน้ำจวง (บ้านน้ำตอน) ฝนตกลงมา หนักมาก ทางแยกนั้นเป็นทางลูกรัง
ฉันใส่เสื้อกันฝน และฝ่าสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักนั้นต่อไป โดยไม่หยุดหย่อน
สองข้างทางเต็มไปด้วยไม่ป่ามากมากมาย แต่ฉันไม่สามารถมองเห็นและสัมผัสธรรมชาติเหล่านั้นได้เลย
เพราะว่าจิตใจฉันร้อนรุ่ม ทั้งที่ต้นไม้และทิวเขาพวกนั้นเป็นสิ่งที่ฉันชื่นชอบยิ่งนัก แต่ ณ เวลานั้นแล้ว
ใจมันจดจ่ออยู่ตรงนั้น คำถามนั้น
ผ่านไปประมาณเกือบ 2 ชม.
มอไซค๋คู่ชีพก็พาฉันมาถึงเมืองผี เป็นหมู่บ้านผี ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
มันหลอกหลอนฉันตั้งแต่พี่ไปสอนอยู่ที่นั่น
ตลอดเวลา 1ปีเต็มที่นั่น ทำให้ฉันกลายเป็นคนจิตตก ประสาท เครียด อารมณ์ฉุน
เมื่อฉันขึ้นไปถึงรร. และเจอหน้าพี่
พี่กำลังทำงานอยู่
งานไม่ยุ่งนัก
แต่พี่ถามฉันสั้นๆ ว่า "มายังไง มากะใคร"
และฉันก็ตอบสั้นๆ ว่า บิดมอไซค์มาคนเดียว
พี่นั่งนิ่งตลอด
สักพักผู้หญิงคนนั้นก็เดินมา
และหยุดจ้องหน้าฉัน
สายตานั้น ฉันสามารถรับรู้ได้เลยว่า พี่คงกลัว
ฉันหวั่นๆ แต่ก็ใจดีสู้เสือ
เพราะ ณ เวลานั้น ไม่มีใครเป็นพวกฉันเลย
ฉันจ้องหน้ามันตอบ
มันเดินมาถามพี่ว่า ฉันเป็นใคร
พี่ไม่ตอบ
ทั้งฉันและผู้หญิงคนนั้นนั่งขนาบข้างกายพี่
จนงานพี่เสร็จ
เราจึงนัดเจรจากันทันที
เพราะตอนนี้ใจฉันร้อนมาก เมื่อเห็นหน้าอีนังผู้หญิงคนนั้น
มันแย่งพี่ไปจากฉันได้แล้วจริงๆหรือนิ

วินาทีสุดท้ายที่ฉันยังมีพี่
เรา3คนนั่งเจรจากันภายในห้องครัว
ต่างคนต่างนั่งเงียบ
ฉันจึงต้องเป็นฝ่ายถามก่อน
ทั้ง ๆที่ฉันยังไม่พร้อมที่จะถาม
แต่เหตุการณ์มันบีบบังคับ
เพราะว่าเวลานั้น ผู้หญิงคนนั้นมันมั่นอกมั่นใจมากมาย
มันคงรู้ว่าพี่จะเลือกมัน
มันถึงนิ่งได้ขนาดนั้น
ก็นั่นละนะ คนเขามันอยู่ใกล้กัน ก็เป็นธรรมดา เขาคงอุ่นใจที่ได้ตัวพี่
คำถามแรกที่ฉันถาม
"ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร"
พี่บอกว่าเป็นใครก็ไม่รู้เหมือนกัน
เยงแต่ว่าเวลาอยู่ด้วยและทำงานด้วยแล้วสบายใจ
"พี่ชอบเขาไหม"
ไม่ชอบและไม่ได้รักด้วย และย็อีกว่าอยู่ด้วยแล้วสบายใจ
ทีนี้พอถามว่าแล้วฉันล่ะ
พี่บอกว่ายัง"รัก"
คำถามสุดท้ายแล้วทีนี้ "พี่เลือกใคร"
พี่บอกเลือกเขา
แต่ก่อนที่พี่จะบอก น้ำตาพี่ไหล พี่มองหน้าฉัน
น้ำตาพี่ไหล ฉันก็ไม่ไหวแล้ว กลั้นไว้ไม่ไหวแล้ว ปล่อยให้มันไหลอยู่ต่อหน้าทั้งพี่และผู้หยิงคนนั้น (มันคงสะใจผู้หญิงคนนั้นมากมายที่สามารถเอาตัวพี่ไปได้)
พี่บอกว่ายังรักฉันแต่ทำไมถึงเลือกเขา

เบื้องหลังคือสงครามการเมือง
เราสองคนต่างก็ร้องไห้ไม่หยุด
พี่บอกว่าในเมื่อฉันด่าว่าให้ไม่ดีขนาดนั้น พี่ก็คงไม่กล้าเลือกฉันหรอก
และบอกว่าฉันไปผิดเวลา
สารพัดข้ออ้างเลยทีนี้
ฉันขอคุยกะพี่สองคน
ก่อนหน้าหนึ่งวัน พี่ส่งข้อความสั้นๆมาว่า
"สงครามการเมืองที่ต้องอดทน"
ฉันพอจะรู้ว่าเป็นเรื่องสังคมครูที่นั่น เรื่องพี่ต้องรับผิดชอบผู้หญิงคนนั้น
พี่บอกกับฉันอีกว่า ที่พี่ต้องเลือกเขาเพราะว่าเป็นสงครามการเมือง
พี่จำเป็นต้องเลือกเขา เพื่อจะได้เข้าและอยู่กะสังคมนั้นได้
แล้วฉันล่ะ พี่ทิ้งไปง่ายๆแบบนี้เลยหรือ
พี่บอกว่าช่วงนี้เราก็ห่างกันสักพักละกัน
ให้พี่พิสูจน์ตัวเองว่าจริงๆแล้วการที่พี่ไม่มีฉัน พี่จะโหยหาไหม
(แต่ฉันว่าเป็นเพราะว่าพี่เบื่อฉันแล้สมากกว่า พอมีคนใหม่ พี่ก็สะบัดคนเก่าทิ้งทันที เป็นแบบนี้มาหลายคนแล้ว ได้ยินจากปากแฟนเก่าพี่เองเลย)
พี่บอกว่าห้ามไปพูดเรื่องสงครามการเมืองให้ผู้หญิงคนนั้น
พี่บอกว่ายังรักกัน
ฉะนั้นฉันจึงยังไม่สามารถจบเรื่องนี้ได้
เพราะว่าในเมื่อเราสองคนรักกัน แต่พี่ต้องไปเลือกคนนั้นเพราะเรื่องสังคม
ฉันก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน
ฉันอยากเอาพี่ออกจากตรงนั้น
พี่ตัดสินใจลงมาส่งฉันข้างล่าง
มาพักข้างล่างด้วยกัน
ผู้หยิงคนนั้นมาถามตอนที่ฉันกับพี่จะลงมาว่าสรุปแล้วจะเอายังไง
พี่บอกว่ายังไงก็ไม่เหมือนเดิมกะฉันแล้ว
แต่ฉันบอกกับเขาว่าที่พี่เลือกมันเพราะมีอะไรบางอย่าง เป็นสงครามการเมือง
พี่ไม่ได้รักเขา ฉะนั้นฉันไม่สามารถตัดพี่เขาได้หรอก
ผู้หยิงคนนั้นบอกว่าให้ฉันพักบนรร.กับมันก็ได้
มันจะไม่ให้ฉันลงมา
เพราะมันไม่อยากให้พี่ลงมาด้วย
แต่พี่ก็ยืนยันว่าจะลงมาส่งฉัน
และฉันก็พูดชัดเจนตรงนั้นว่า
ฉันจะยังเหมือนเดิมกับพี่
และบอกกับมันว่าช่วงนี้เราคงเจอกันบ่อยขึ้นนะ
และยังไงฉันก็ไม่ปล่อยพี่หรอก ฉันยอมให้พี่มีมันได้
แต่มันบอกว่ามันยอมไม่ได้
มันเป็นเดือดเป็นร้อน
ฉันและพี่ขี่มอไซค์ลงมาที่ตัวอำเภอ

ออกจากเมืองผี
ออกจากเมืองผีตอนค่ำ มันมืดแล้ว ฉันเตรียมเก็บกระเป๋าให้พี่ เอากางเกงขาสั้น เสื้อยืดของพี่ใส่กระเป๋า
พร้อใของใช้ที่จำเป็นต่อหน้าผู้หยิงคนนั้น
มันหน้าบึ้ง (ยัยหน้าอึ่งอ่าง)
เราขับรถคู่กันลงมาตลอดทาง
อากาศเย็นเหลือเกินข้างบนนั้น
นี่ฉันได้ตัวพี่มาแล้ว
แต่ว่าไม่อยากนึกถึงวันพรุ่งนี้เลย
วันที่ฉันต้องจากพี่มาจริงๆ
เรามาพักห้องพักด้วยกัน
พี่บอกว่าเรายังคบกันเมื่อเราอยู่ด้วยกัน
คืนนั้นแหละ ร้องไห้ปล่อยโฮ
แต่พี่ก็เงียบ
ฉันจึงต้องโทหาใครหลายคนที่ฉันสามารถอุ่นใจได้
พี่ยังมาบอกว่าฉันฟ้องผู้ปกครองทำไม?

พี่ยังบอกกะฉันอีกว่า
พี่ยังอยากไปเที่ยวบ้านฉันอีก
เฮ้อ
นี่ฉันเป็นไรไป
เรื่องราวข้างหน้าจะเป็นยังไง
ไม่สามารถรู้ได้เลย
เมือ่ออกจากเมืองผีได้แล้ว
ฉันหลั่งน้ำตาหหลายรอบ
กว่าจะขี่มอไซค์ลงมาได้
ฉันต้องจอดรถเพื่อเอากำลังใจจากเพื่อนที่อยุ่ทางไกล

ฉันอยากจะบอกว่า
ระหว่างลงมาจากอ.ชาติตระการ
ฉันสามารถมองเห็นต้นไม้ และสามารถสัมผัสมันได้
มันช่างวิเศษเหลือเกินหรือว่าฉันสามารถเอาชนะใจตัวเองได้แล้ว
หรือว่ายังแค้นใจอยู่นะ
ต้องเฝ้าดูจิตใจตัวเองต่อไป









วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2551

สิ่งที่หัวใจร้องขอมานาน

มิสเตอร์...........
นานแล้วนะที่ไม่มีคำนี้

หลังจากวันนั้นเมื่อสองปีที่ผ่านมา
ก็ไม่มีคำนี้อีกเลย
ทุกความรู้สึกบรจุอยู่ใต้ก้นหัวใจ

วันนี้เทอโทร
ว่าเราไปดูหนังด้วยกัน
เป็นการเจอกันในรอบสองปีกว่า
เป็นการดูหนังครั้งแรกของเรา

เราได้รอบหนังเวลา13.30 น.
ยังมีเวลาเหลืออีกชม.
กินข้าวด้วยกัน
กับข้าวมากมาย
แต่ฉันกลับกินไม่ลง
กินไม่อิ่ม
เทอมองหน้าฉัน
อมยิ้มอยู่ห่างๆ

ดีใจนะที่เทอมาเยือนกัน
ขอบคุนนะที่วันนี้มาสะกิดต่อมน้ำตา
ทำให้หัวใจฉันรุ่มร้อนอีกครั้ง

ความรักที่ฉันมีให้กับเทอยังไม่เคยไปไหนเลย
ยังอยู่ตรงนี้
รอเพียงเวลา ที่เทอจะมาขุดคุ้ย

ระหว่างนั่งรถกลับ
ฉันถามเทอเรื่องลูก+ภรรยา
เทอไม่ตอบ
เทออมยิ้มและบอกว่าฉันไม่ควรถามเรื่องคนอื่น
เปิดเพลงเก่าๆ"หัวใจขอมา" ที่เทอเพิ่งซื้อให้วันนี้
ทำให้น้ำตาไหล

ที่ๆเคยพบเทอ ตรงนั้น
ตรงที่ฉันนั่งอยู่
ตรงนี้
ตรงที่ฉันเคยนั่งข้างเทอ
ที่ๆเคยคุ้นตา
ที่ๆมีเรา

การเจอกันคราวนี้
เป็นการทวงความฝัน
เป็นความฝันที่ฉันมีให้กะเทอมาแสนนาน
แต่ว่ามันคงสิ้นสุดลงพียงแค่ตอนนี้
หลังจากฉันเขียนมันจบลง
ทุกสิ่งทุกอย่าง
จะถูกเก็บอยู่ก้นบึ้งหัวใจ
ตราบนานเท่านาน

และคงไม่มีการมาเยือน
การเจอกกันอีก

ความฝันที่เป็นไปไม่ได้
ความน่าจะเป็นเท่ากับศูนย์

แค่วันนี้ฉันได้เจอเทอ
ได้เห็นรอยยิ้มเทอ
แค่นี้ก็พอใจ
จนถึงบรรทัดนี้แล้ว
แต่เสียงเพลงยังดังก้องอยู่สองหู
"กลับมาคราวนี้ เพราะหัวใจมนขอมา ให้ตามหาความทรงจำ..."
ใจฉันยิ่งรุ่มร้อน ทวีมากขึ้นๆ ทุกที
เมื่อได้ยินถ้อยคำของบทเพลง
วันนี้จึงเป็นวัน
ที่ฉันเฝ้าคิดถึงวันที่ผ่านมาของสองเรา
ฉันนั่งนึกถึงความสดใสที่พอจะจดจำได้
วันนี้ฉันสูดความฝันจนชื่นใจ
เพราะว่าวันเวลามันได้พัดผ่านความฝันไปแสนนาน
แต่ว่าหัวใจฉันยังคอยทวงถามถึงตลอดมา

มันสมควรสับสนไหม
ฉันกำลังดีใจที่ได้พบหน้าเทอ
หรือว่าฉันกำลังเจ็บปวดกับการยอมรับและเห็นว่าเทอไม่ใช่ของฉัน

ได้แต่หวังว่า ฉันจะสามารถผ่านค่ำคืนนี้ไปด้วยดี