ผู้ติดตาม

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

รักแรกพบ

ช่วงนี้นอนหลับไม่ค่อยสบาย เพราะยังคงกังวลในเรื่องงาน เรื่องจะเปลี่ยนงาน เป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิต ต้องแจ้งหัวหน้าให้รู้ล่วงหน้า แต่ก็ยังหาจังหวะไม่ได้ แต่ในท่ามกลางความกังวลต่างๆ ในชีวิต เมื่อคืนฉันฝันเห็นเธอ ทำให้สภาพจิตใจฉันมีชีวิตชีวาขึ้นมา ในฝัน ฉันฝันว่าเรานั่งใกล้ๆกัน ท่ามกลางผู้คน และฉันใส่หมวกปีกกว้าง ที่โค้งเว้าตรงข้างๆทั้งสองข้าง ทันใดนั้น ฉันหันมองไปทางด้านหลัง เห็นเธอนั่งยุใกล้ๆ เธอส่งยิ้มให้ และฉันก็ยิ้ม ในความฝันฉันเห็นนัยตา รอยยิ้มที่เธอนิ้มให้ ได้ชัดเจน ฉันตื้นตันบอกไม่ถูก ฉันหันกลับมา แต่ก็ต้องหันไปทางเธอเล็กน้อย มองเธอลอดผ่านช่องของหมวกที่ฉันใส่ เธอยังคงมองมาทางฉัน ฉันเขิน หรือเธอจะรู้ว่าฉันชอบเธอ.... คืนนี้เธอทักมา บอกให้โทรหาเทอ ฉันถามว่าโทไลน์ไปแต่ไม่เหนรับอะ เทอบอกไม่ได้เปิดเนตมือถือ ฉันถามว่ามีไร เทอตอบ คิดถึงมั้ง... ฉันเลยโพล่งหลุดปากไปนิดนึงว่า เมื่อคืนฝันเหน แสดงว่าคิดตรงกัน ประมาณนี้ เทอตอบ ใช่ๆ ย้อนกลับไปเหตุการณ์โดยบังเอิญตอนกลับบ้านสิ้นเดือน พค 58 ที่ผ่านมา เยนวันนั้น ฉันกำลังเตรียมผัก สำหรับทำข้าวผัดในห้องครัว และเธอขี่มอไซค์เอามะนาวจากสวนบ้านเทอมาให้ ฉันไม่รู้ว่าเทอก้กลับมาบ้าน เวลานั้นแม่ฉันเป็นคนรับมะนาวจากเทอ และชวนเทอนั่งคุย ลานบ้านหน้าตรงประตูครัวทางด้านซ้าย ฉันโผล่หน้าจากครัวมาทักทายเทอ แม่บอกว่า มาคุยกันก่อน เดี๋ยวค่อยทำครัวต่อก็ได้ ฉันเลยออกมาจากครัว แม่ พี่ๆ คนอื่นๆ และเธอนั่ง ส่วนฉันขอยืนตรงประตูฟังพวกเขาคุยถามถึงชีวิต เรื่องคู่แต่งเทอ เทอบอกทีเล่นทีจิงว่ายังหาคนแต่งด้วยไม่ได้เลย เขาพูดว่าบ้านนี้ยังมีลูกสาวว่างมั้ยล่ะ มีพี่สะใภ้บางคนโพล่งออกไป ฉันมีแฟนแล้วน่ะสิ ฉันเงียบ ฉันมองหน้าเธอ ท่ามกลางพ่แแม่พี่น้องฉัน แต่ก็แค่แอบมอง พยายามไม่คิดไร แต่ภายในใจยังคงตื่นเต้น ไม่บอกใคร ณ ตอนนี้ ไม่ได้คุยเฟสกับเทอแล้ว 23.36น. ดึกแล้ว แต่แอบโกรธตัวเองที่หลุดปาก เกือบบอกความในใจให้เทอรู้ ถ้าเทอรู้ความในใจแล้วคงไม่กล้าเจอหน้าเทออีก หรือไม่เทออาจหลบหน้าฉัน ฉันขออยู่ของฉันแบบนี้ เหมือนไม่มีเทออยู่ในโลกนี้ พยายามไม่ส่องเฟสเทอ ไม่ทักเฟส ทักไลน ไปหาเทอ แต่สุดท้ายก็เข้าไปส่อง และทักไปบ้าง จะเป็นยังไงต่อไป นะ กับความรู้สึกนี้ จิตใจสงบมาได้พักนึง แต่พอเทอบอกคิดถึง ใจก็หวั่นๆอีก เป็นแบบนี้หลายระรอก เหมือนพายุที่พัดมาตรงนี้เป็นระยะ แต่ฉันเชื่อในเซ้นของฉันนะ ว่าเทอก็น่าจะชอบฉัน แต่เพียงเพราะว่าญาติเทอมาแต่งกับญาติฉัน เราเลยกลายเป็นเครือญาตกันตามธรรมเนียมม้ง และเปนเพราะฉันมีแฟนยุแล้ว เทอก็เลยไม่ได้แสดงอะไรออกมา นี่ถ้าฉันรุ้จักเทอก่อนหน้านี้ คงดีกว่านี้ 23.42 น. เทอพิมมาในเฟสว่ามีเบอ 12คอลมั้ย เด่วเทอจะโทมา เอิ่ม หัวใจฉัน จะต้านไหวไหม น้ำตาจิไหล

วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2556

StarShine หวนคิดถึงเธอ เพราะเขาไม่รักจริง

เสียงเพลงบรรเลง "StarShine" ดังขึ้นอีกครั้งในรอบหลายเดือน ฉันร้องไห้...ฉันหวัง ... ฉันคิดถึง และนึกถึงเธออยุ่เสมอ อยากให้เรามีวันที่จะมาบรรจบพบเจอกันบ้าง แต่ยิ่งนานวัน ยิ่งดูไกลออกไป สายๆของวันนี้ ฉันลองกดโทรศัพท์ไปหาเธอ และโทรติดด้วย แสดงว่าเธอได้ขึ้นมาบนฝั่งแล้ว เธอรับสาย และเราก็คุยเพียงไม่นาน เธอบอกว่ามีประชุม 14-17 มกราคม 2556 ฉันกลับบ้าน ในช่วงปีใหม่ 17-20 มกราคม 2556 ฉันเอ่ยปากชวนเธอให้ไปงานนี้ด้วยกัน เธอไม่ได้ปฏิเสธซะทีเดียว แต่เธอบอกว่า ถึงวันนั้นถ้างานไม่ยุ่งแล้ว ค่อยว่ากันอีกที เธออาจจะไปตามที่ฉันชวนก็ได้ แบบนี้ฉันก็ฟังดูพอมีความหวังขึ้นมาเล้กน้อย ถึงแม้จะรู้ว่าไม่มีทางเกิดขึ้นจริงเลยสักนิด ฉันบอกเธอทิ้งท้ายในสายว่า ถ้าหากขึ้นไปเที่ยวงานปีใหม่ม้งแถวบ้านฉันให้โทรหาฉันด้วย และเธอก็ตกลง ฉันรู้ว่า บางทีถึงเธอขึ้นมาเที่ยว แต่เธอก้อาจไม่โทรหาฉันเลยก้ได้ แต่ก้ไม่เป็นไร ฉันได้พูด ยังดีกว่าไม่มีโอกาสได้พูด ฉันเฝ้าถามตัวเองตลอดเวลา ว่า คนที่นั่งอยู่ในใจฉันคือใคร ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังเป็นเธอ เธอคนเดียว แต่เธอไม่สนใจกันเลย สองปีกว่า ที่ฉันใช้เวลาในวันหยุด เสาร์ อาทิตย์ ส่วนใหญ่ไปกับการอยู่กับ "เขา" จนบางที ฉันก็มองไม่เห็นคุณค่าของตัวเองอีกเลย ฉันไม่รู้ว่าฉันรัก หรือหลงเชา หรือว่าฉันแค่เหงา ทั้งที่เขาเป็นคนเบื่อง่าย และนอกใจฉันอยุ่บ่อยครั้ง แต่ฉันก็ยังไม่มีทางเลือก เพราะเธอไม่ให้ฉันได้เลือก แต่นั่นแหละ มันก็ถูกของเธอ ฉันไม่ควรมีสิทธิได้เลือกเธอเลย เพราะฉันคบอยุ่กับเขาแล้ว แต่สิ่งเดียวที่ฉันรู้ คือ ฉันไม่มีเป้าหมายชีวิต ไม่มีกำลังใจทำทุกๆอย่าง หลังจากไม่มีเธอในชีวิตของฉัน น้ำตาไหลลงมาเป็นทาง ฉันเสียดาย เสียใจ ทำยังไง ฉันและเะอถึงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกครั้ง หากวันข้างหน้า ฉันไม่ได้คบเขา หรือใครๆ เธอยังจะกลับมาเป็นเพื่อนมิตร สหายกับฉันเหมือนเดิมมั้ย แต่อะไรๆก็ไม่สำคัญ เท่ากับตอนนี้ ฉันทำใจให้สบาย ไม่ต้องคิดเรื่องเขา และเธอ เขาไม่สนใจฉัน ไม่รับโทรศัพท์ฉัน ไม่โทรหาฉัน และมีใจให้คนอื่น ก็ช่างเขา ส่วนเธอ ไม่สนใจ ไม่โทรหาฉัน ไม่นึกถึงฉัน มองฉันเป็นแค่ผุ้หยิงที่ไม่ดีคนหนึ่ง ไม่มีคุณค่าให้เธอนึกถึง ฉันควรจะไปทางไหน ฉันควรจะรู้แก่ใจดี

วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ผ่าน

ฉันเคยร้องไห้ เสียใจ และเล่าให้เธอฟัง เธอเปิดเพลง "ผ่าน" ให้ฉันฟัง ทำให้ฉันรู้สึกว่าเธอยังอยู่ข้างฉันเสมอ เวลาผ่านไปหลายเดือน เราไม่ได้คุยกันเลย บางเวลาก็ดูเหมือนเขาก็ดูแลเอาใจใส่ฉันดี แต่บางเวลาก็ทำให้ฉันรู้สึกแย่มากๆ จนเครียดเพราะปวดหัว วันนี้ก็รู้สึกแย่ๆเหมือนกัน เปิดเพลง ผ่าน ฟังแล้วคิดถึงเธอ เปิดเพลง ไม่เหลืออะไรจะเสีย ของ บี พีรพัฒน์ ฟังทำให้นึกถึงดวงหน้า ที่สะอาด ผ่านการโกนหนวด เครามาอย่างดี ดูน่าสมัผัส ย้อนกลับไปเมื่อสองวันก่อน ฉันโทรไปหาเธอ เราคุยกันจนตังค์ในโทรศัพท์หมด ส่วนวันนี้เธอก็คงลงไปทะเลแล้ว ได้แต่เสียใจ และเผชิญความเหงาเพียงลำพัง เขาไม่สนใจกันเลย โทรไปก็ไม่รับสาย แล้วก็ไม่ยอมโทรกลับด้วย จนฉันโมโห โกรธมากที่สุด แต่ก็ยิ่งดูไร้ค่าในสายตาเขา แต่นั่นฉันไม่ใส่ใจหรอก ฉันสนใจเป้าหมายเดียวของฉันคิือ เลิกกับเขาให้ได้ภายใน ปีมะโรงนี้ ฉันเซ้าซี้จะให้เขาบอกเลิกฉันให้ได้ ฉันรู้ว่ามีอยู่หนทางเดียวที่ฉันจะทำให้ตัวฉันเลิกเขาได้ คือ เขาบอกเลิกฉัน คำเดียวเลยจริงๆ ถ้าเธอยังอยู่ตรงนี้ เคียงข้างฉัน คุยเป็นเพื่อนฉันเหมือนวันนั้น ฉันคงเข้มแข็งกว่านี้ ฉันคงไม่ต้องเผชิญความเจ้ฐปวด โมโห เพียงคนเดียว

วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555

การเดินทางที่แสนพิเศษ

กล่องเสียงอักเสบ

ไอและเจ็บคอมาได้ 4วันแล้ว
หลังจากวันนั้น
ที่ฉันรู้สึกไม่ดี และขึ้นเสียงไป
เทอทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเมื่อครั้งก่อนที่เทอเคยทำร้ายฉัน
เทอนอกใจฉันอีก
ฉันเจ็บใจ ร้องไห้ ตะคอกด่าว่าเทอ จนกล่องเสียงอักเสบ ต้องพักรักษากินยามาหลายวันก็ยังไม่หายดี
วันนี้ก็ยังไอแค้กๆๆตลอดเวลา
ไม่มียาอะไรดีเท่าการได้พูดคุยกับเทอ
4 วันที่แล้ว หลังจากที่ฉันด่าว่าเขาที่แอบนอกใจ และโกหกฉัน
ฉันไม่สบายใจเลยตัดสินใจโทรหาเทอ ตอนดึก จะเที่ยงคืนแล้ว และนั่นคือแสงอับริบหรี่ที่ช่วยต่อลมหายใจให้กับคนที่หมดหนทางดับทุกข์
เพียงได้ยินเสียงเทอความรู้สึกเลวร้ายภายในจิตใจของฉันที่เพิ่งเกิดขึ้นก่อนหน้าก็พลันหายไปทันที
เราคุยกันเรื่องราวทั่วไปเช่นเคย
และเช่นเคย ฉันไม่ได้เล่าเรื่องเลวร้ายของฉันให้ฟังอีก
มีแต่ประตูบานสดใสที่จะนำพาให้ฉันและเทอพูดคุยไปในเรื่องที่สบายๆใจ
ทำไมเขาไม่สนใจฉัน
ทำไมเขาไม่เคยปลอบใจฉันเวลาที่มีปัญหา
ทำไมเราถึงได้อยู่กับเขา ซึ่งนิสัยใจคอไม่ได้ดั่งใจ
กับเขาที่ไม่ใช่ผู้ชายในฝันเลย
ทำไม
ทำไม ฉันถึงได้แต่พูดคุยอยู่กะเทอ
ทำไม เราไม่เป็นเพื่อนที่ดีเหมือนเดิม

วันนี้ฉันโทรไปหาเขาอีก และก็เป็นเหมือนเดิม เขา ไม่มีเวลาฟังฉันเลย จัดโน่น นี่ นั่น เสียงดังในสายตลอดเวลา
ไม่สนใจฟังคำพูดฉัน ทั้งๆที่ฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษามากมาย
จนฉันต้องโมโหกับพฤติกรรมไม่ตอบ ไม่ฟัง ไม่พูดของเขาอีก

ฉันเลยกดโทรศัพท์ไปหา
ปลายสายคือเทอ
น้ำเสียงเทอทำให้ฉันหายโมโหได้ในทันที
คำถามแรก เทอถามว่าอาการไอ และเจ็บคอของฉันดีขึ้นรึยัง
เทอยังคงจำได้ดีว่า 4 วันที่แล้วฉันป่วย
เทอสนใจถามถึงอาการ เทอใส่ใจในตัวฉัน
แบบนี้แหละที่ฉันต้องการ
ฉันต้องการใครสักคนที่มาคอยถามไถ่ฉัน ในยามที่ฉันท้อแท้ และต้องการกำลังใจ
แต่แค่คำพูด น้ำเสียงที่ฟังสบายๆของเทอ
ก็สามารถต่อลมหายใจของฉันไปได้อีก 1 ปีตลอดปีมะโรงนี้
ตั้งแต่ฉันผ่าตัดไส้ติ่ง คือวันที่ 15 ธ.ค.54 ที่ผ่านมา เจอแต่เรื่องร้ายๆ เจ็บปวดแผล
พอเริ่มหายจากปวดแผล ก้เริ่มมาปวดใจเพราะเขาทำเจ้าชู้ใส่เด็กเอ๊าะๆ แอบเล่นเฟสบุค คุยกะสาวๆตอนที่ฉันเจ็บ เพราะผ่าตัด
ยังไม่มีวันไหนมีความสุขเท่าวันที่ได้คุยโทสับกับเทอเลย
มันเปนยาสมานแผลได้เปนอย่างดีเลยเชียว


วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

โลกนี้มันสับสนนัก!!

ครั้งแรกที่เราเจอกัน คือที่ร้านอิ่มอุ่น หลัง มน.
"เพียงพบครั้งแรก ตัวฉันแอบจ้องมองเธอ"
ฉันนั่งตรงข้ามกับเธอ
อย่าเพิ่งงง
เพราะวันนั้นเราไปกินข้าวด้วยกัน 4คน
มีเทอ และเพื่อนๆฉันอีก 2คน
เทอไปในฐานะน้องชายของเพื่อนคนหนึ่งที่ไปด้วยกัน


แต่ทำไมฉันถึงเพิ่งเคยเห็นน้องชายคนนี้ของเพื่อน
และเทอกะฉันห่างกัน ถึง 5 ปี
ฉันจึงรู้จักแต่น้องชายคนโตของเพื่อนเท่านั้น

วันนั้นพวกฉันมัวแต่คุยถามไถ่ แข่งกันพูด จนเทอนั่งนิ่ง เพราะเพื่อนตัว ไม่ยอมแนะนำน้องชายคนอื่นรู้จัก
ฉันจึงชวนเทอคุย
เมื่อต้องสบสายตากัน
ฉันจำไม่ได้แล้วว่าตอนนั้นรู้สึกยังไง รู้แต่เพียงว่า ถูกชะตากับเทออย่างบอกไม่ถูก

เราก็คุยกันถูกคอมากเลยทีเดียว

หลังจากนั้นเราก็เปนเพื่อนในเฟสบุค

และอีกไม่กี่เดือนต่อมา
เพื่อนของฉันคนนี้ก็เข้ามา

มันก็ดีตรงที่พวกเราเริ่มคุยกันมากขึ้น
พวกเราเจอกัน ไปกินข้าวบ่อยมากขึ้น
แต่นั่นละ
ยิ่งเจอเทอบ่อยมากเท่าไหร่ เหมือนจะยิ่งแน่ใจในตัวเองว่าฉันรู้สึกอย่างไร
จนตอนหลังๆ
จนห่างไปสักพัก
เทอทักมาในเฟสว่า "คิดถึง"
ฉันไม่รู้ว่าก่อนเทอจะใช้คำนี้ ได้คิดสักนิดก่อนหรือยัง
เพราะนั่นยิ่งทำให้ฉันเก็บมาคิด
เทอมักเรียกฉันว่า "พี่สาว" เวลาเราคุยกันทางเฟสบุค ดูเหมือนเทอพยายามบอกกับฉันว่าเราเป็น กัน แต่ฉันกลับรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็เฉยๆ ไม่ว่าอะไร

หลังจากนั้น
เราได้มีโอกาสไปกินข้าวสองต่อสองเป็นบางครั้ง
ความรู้สึกในตัวของฉันยิ่งชัดขึ้น
เรานั่งกินข้าว พยายามคุยเรื่องทั่วๆไป เกี่ยวกับที่บ้าน
แต่ต้องคอยหลบสายตาอยู่เรื่อยๆ
ฉันมองภาพ และคิดว่าเทอเปนญาติไม่ออกเลยจริงๆ

อาทิตย์ที่แล้วฉันกลับมาจากบ้าน คนแรกที่ฉันโทรหา และอยากไปกินข้าวด้วย คือเทอ
และนั่นเป็นครั้งแรกที่เราไปกินบะหมี่ด้วยกัน และต่อด้วยไอสครีมวอลล์ และฉันก็เอาของฝากเป็นพวงกุยแจจากริมเมย แม่สอดให้เทอ

และอาทิตย์นี้ เมื่อเทอกลับจากบ้าน
เทอก็โทรชวนฉันไปกินข้าวทันทีในเย็นวันนั้น
และเราก็ไปกินมื้อค่ำด้วยกันในอีกวัน
เทอเอาของฝากเป็น "กลิ๊" จากบนดอยมาให้

ฉันกำลังถามตัวเองว่าความรู้สึกทั้งหมดนี้ มันคืออะไร
มันเคว้งคว้าง รอคอย หรือสับสน หรืออะไรสักอย่าง หรือหลายอย่าง

วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2554

กล้วยไม้










หลังจากที่รู้สึกสับสนกับตัวเองมาหลายวัน เลยลองเปลี่ยนเรื่องมาดูดอกกล้วยไม้ใกล้ๆแถวนี้กันดีก่า ชื่อพันธ์ไม่รู้อะ ใครรู้ก็ช่วยบอกที
หลังจากที่รู้สึกสับสนกับตัวเองมาหลายวัน เลยลองเปลี่ยนเรื่องมาดูดอกกล้วยไม้ใกล้ๆแถวนี้กันดีก่า

วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

บันทึกถึงทะเล 7

เวลา 22.30 น. รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี ตัดสินใจกดโทรศัพท์ไปหาเทอ
แต่แล้วกลับได้ยินตอบกลับมาว่า "หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้"
เป็นอันรู้กันว่า ณ บัดนาว เทอไม่ได้อยู่บนบกแล้ว
เทอลงไปอยู่ทะเลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ฉันนึกเสียดาย ทำไมช่วงเวลาที่เทอขึ้นมาบนฝั่ง ฉันถึงไม่โทหาเทอ
ฉันรู้ว่าทำไม เหตุผลเดียว ฉันไม่กล้าโทไปรบกวนเทอ
และไม่กล้าจริงๆๆ

ถึงตอนนี้จะโทไปหาเทอที่ทำงานก็ได้
แต่ฉันก็ไม่กล้าอยู่ดี
ฉันรู้ตัวดี ว่าฉันเป็นใคร
ไม่สมควรโทไปรบกวนเทอ

แอบรัก เลยต้องคิดถึง และเศร้า ผิดหวัง






เิกิดอะไรขึ้นอีกแล้ว
เศร้าจับจิต
คิดถึง
แต่ไม่กล้าโทไป
เทอไม่สนใจกันแล้ว
แม้แต่มิตรภาพความเป็นเพื่อน เทอก็ยังไม่เหลือไว้
แต่เทอได้ใจฉันไปหมดแล้ว

มันเป็นความผิดของฉันหรือ
ที่มาพบเทอในวันที่ฉันมีคนอื่น

เศร้าเหลือเกิน

คิดถึงโว๊ยยยยยยย



เมื่อคืนก่อนนอน คิดถึงเทอ เลยฝันเห็นเทอ
ครบปีแล้วที่เราไม่ได้เจอกัน

และไม่ได้พูดคุยกัน

วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2554

สมุดโน๊ตสีน้ำเงิน

สองสามวันมานี้
รู้สึกอุ่นใจขึ้นมานิดๆๆ
เพราะได้รู้ว่าเทอกลับมาจากทะเลแล้ว
ถึงแม้จะไม่มีความหวังว่าจะได้เจอเทอหรือไม่
แต่นั่นไม่สำคัญเท่า
กับการได้พูดคุยกับเทอทางโทรศัพท์ เมื่อวันก่อน เป็นเวลา 2ชม.ครึ่ง เทอโทรมา และเราคุยกันด้วยเรื่องทั่วๆไป
ส่วนใหญ่เทอจะเป็นฝ่ายคุยมากกว่า ส่วนฉันพูดไม่ค่อยออก เฮ้อออ

ขอบคุณที่คุยกัน

แล้ววันนั้นที่ได้คุยโทรศัพท์ ก็เป็นวันที่ฉันรู้สึกว่าไม่โดดเดี่ยว
แต่ก็รู้สึกได้เพียงวันเดียว สองวันเท่านั้น
มาวันนี้ ฉันเริ่มรู้สึกโดดเดี่ยวอีกแล้ว
สมุดไดอารี่ที่เทอเคยให้ไว้
วันนี้เลยถูกฉันเอาออกมาวางบนโต๊ะทำงาน
เอาขึ้นมาเปนกำลังใจ หากเจอปัญหาในเวลางานก็จะได้อุ่นใจ
และแล้ววันนี้งานก็ผ่านไปได้ด้วยดี
ขอบคุณสมุดโน๊ตเล่มสีน้ำเงิน ที่เทอเคยให้ฉันอีกเช่นกัน
และสมุดโนตเล่มนี้จะเป็นตัวแทนของเทอ ช่วยให้ฉันผ่านทุกอย่างไปด้วยดี เมื่อเวลาที่ฉันมีปัญหาในทุกๆเรื่อง

วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2554

อยู่อย่างไม่มีเทอ


ครบ 8 เดือนแล้ว ที่ฉันไม่ได้คุยกับเทอในแบบเดิม
8 เดือนที่ฉันไม่มีเทอให้ปรึกษา ปัญหาทุกอย่าง
8 เดือนที่ฉันไม่อุ่นใจ
8 เดือน ที่ฉันอยู่โดยไม่มีกำลังใจ
8 เดือนที่เหมือนฉันอยู่อย่างโดดเดี่ยวที่สุด
8 เดือนไม่ทำรู้ว่า คำว่า "รอ" ไม่มีประโยชน์อะไรกับฉันอีกแล้ว
ไม่มีความฝัน
ไม่มีความหวัง
ไม่มีกำลังใจ
มีแต่หัวใจที่ห่อเหี่ยว
8 เดือนแล้ว ที่ฉันไม่มีรอยยิ้ม
ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่ได้เล่าเรื่องต่างๆของวันให้ใครฟัง
ไม่มีใครเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟัง
ไม่มีใครให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น

ฉันคิดถึงเทอทุกวัน
และเทออยู่แห่งหนไหน
ข่าวคราวไม่เคยได้ข่าวตั้งแต่ 8เดือนที่ผ่านมา
ไม่มีความหวังที่จะได้ไปนั่งร่วมโต๊ะ กินข้าวด้วยกันกับเทออีกแล้ว
เทอไม่กลับมาอีกแล้ว
เทอจากไปแล้ว
คราวนี้เทอจากไปแล้วจริงๆ
เทอไปและไม่มีวันหันหลังกลับ
ฉันยังคงอยู่ที่เดิม
และเธอก็คงยังผ่านเส้นทางนี้บ่อยๆ
เพราะเป็นทางผ่านบ้านเทออยู่แล้ว
แต่เทอไม่แวะมาทักทายเหมือนเดิม
ฉันกำลังคิดอะไร
ฉันกำลังทำอะไร
หรือบางที ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย
อยู่ไปวันๆ
อยู่อย่างไม่มีเทอ

วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2554

Eร่าน

อีร่าน หน้าไม่อาย อีหน้าคางคก

วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เทอกับฉันและการ์ตูนเล่มโปรด

เมื่อคืนฝันเห็นเทอ
เราเดินไปเที่ยวด้วยกัน
เลือกการ์ตูนเล่มที่ชอบอ่าน พอจำได้ลางๆว่า ฉันได้เจอการ์ตูนเรื่องที่ฉันอยากอ่านมานาน
แบบว่าเป็นเล่มโปรดที่ฉันตามหามานาน
ฉันนั่งอ่านการ์ตูน
เทอนั่งอ่านหนังสือที่ชอบ
ฉันมีความสุขที่ได้เดินด้วยกันสองคน
แล้วเทอก็บอกขอไปห้องน้ำ
เวลาผ่านไปนาน ไม่เห็นเทอกลับมา
นานมากจนฉันออกตามหา
เทอหายไป
เทอหนีฉัน
เทอไม่อยากอยู่กับฉันจนต้องแอบหนีไปกันแบบนี้เลยยยยยยย
ฉันตามหาเทอด้วยความรู้สึกที่แย่มากๆ หมดหวัง หมดอาลัย
และก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝัน
แล้วมาเสียใจต่อในความเป็นจริงอีกต่อหนึ่ง เฮ้อออ
เทอคงไม่อยากเป็นแม้แต่เพื่อน กับฉัน
เทอเกลียดฉันมากขนาดนี้เลยหรือ?
ไม่น่าเลยเรา
ไม่น่าไปเฉลยความรู้สึกให้เทอรู้
ฉันเกลียดตัวเอง จนไม่อยากเห็นหน้าตัวเองแล้ว
และเทอก็คงเกลียดฉันเช่นเดียวกัน

วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

รอเธอที่โลตัส

เดินดูเสื้อผ้าในโลตัส
เดินไปเรื่อยๆ
ไม่เดิน ไม่ใช่จะหาซื้อเสื้อผ้าสักตัว
เพียงแต่
คิดถึงวันนั้น
ช่วงเวลาประมาณกลางเดือนก.พ.53
วันที่เราเจอกันโดยบังเอิญขณะที่ฉันเดินดูเสื้อผ้าที่โลตัส

เธอเดินมาทักฉัน
ฉันดีใจ เพราะไม่ได้คุย ไม่ได้เจอเธอมานานหลายเดือน
พอได้เจอโดยบังเอิญ รู้สึกใจเต้นตุบๆๆ
เริ่มสงสัยในใจว่าทำไมต้องตื่นเต้นที่ได้เจอเธอ
และเราก็ไปกินข้าวด้วยกัน
และเธอก็ขับรถนำหน้ามาส่งฉันจนถึงหน้ามอ
ฉันยิ่งปลื้มเธอมากขึ้น
มากขึ้นๆๆๆ ทุกวัน
จนถึงวันนี้

เมื่อวานไปทำธุระที่โลตัส
เลยแวะเดินโซนที่เราเคยเจอกัน
อยากให้มีเธอเดินมาจากไหนสักที่
มาเจอหน้ากัน
อีกสักครั้ง
แต่ว่ามันคงไม่ถึงเวลา
หากอยากจะเจอเอโดยบังเอิญอีกสักครั้ง
บางทีอาจต้องรอจนถึงวันที่ฉันลืม ว่ารอเจอเธอ
และฉันจะรอวันนั้น
วันที่ได้เจอเธอ ที่โลตัส

วันพุธที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2554

แค่ลมปาก ฟ้าก็เปลี่ยนสี

เมื่อคืนเวลาสองทุ่มเศษ
มีเบอร์แปลกโทรมา
และแน่นอน ฉันไม่ได้รับสาย
สักพัก
ก็มีข้อความ "ไม่กล้ารับสายเลยนะ เบญ วันก่อนโทรมามีอะไรป่าว"
คำสั้นๆ
แต่ทำให้รู้เลยว่าเจ้าของเบอร์เป็นใคร
เพราะมีเพียงเทอคนเดียวที่เรียกฉันว่า "เบญ" (หมายถึงดอกเบญจมาศที่ฉันชอบ)

ฉันดีใจ น้อตาคลอเบ้า
รีบกดโทรกลับไปหาเทอทันที
เทอบอกว่าเห็นวันก่อนฉันโทรไปหลายสายแต่ไม่ได้รับ
กลัวฉันจะคิดมากเลยโทรกลับมา

เฮ้อ ทำเป็นเหมือนแคร์ความรู้สึกฉัน เหมือนจะเป็นห่วง แต่ก็ไม่ใช่
เทอตัดพ้อตัวเอง บอกว่าจะเอาไฟล์เพลง กับหนังมาให้ฉัน แต่ก็ยังไม่ได้เอามาให้สักที
ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่เราคุยกันมานานแล้ว เทอยังจำได้ เพียงแต่ว่าเทอไม่กล้ามาเจอหน้าฉัน
ก็เลยไม่ได้เอามาให้สักที
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ก่อนที่ฉันจะพูดอะไรออกไป
เทอคงไม่หลบหน้าฉันขนาดนี้
ทุกวันนี้แม้แต่บทสนทนาระหว่างเราก็แค่สั้นๆ
ทำไมต้องเป็นแบบนี้
ฉันจะอยู่ยังไง ถ้าไม่มีเทอเป็นเพื่อน เป็นที่ปรึกษา ฉันผิดมากเลยเหรอ ที่ไปบอกเทอเกี่ยวกับความรู้สึกดีๆที่ฉันมีให้เทอ ฉันผิดด้วยหรอ ที่มีความรู้สึกแบบนี้
ฉันร้องไห้อีกครั้ง ฉันคิดถึงเทอ
ปลายสายเทอบอกว่าลงไปสงขลาแล้ว
และเช้าวันนี้เทอก็จะลงทะเล
ตอนนี้เทอก็คงอย่ที่ทะเลเรียบร้อยแล้ว
เลยยิ่งคิดถึง
ตอนเทอกลับมาบ้านที่นี่ ถึงเราจะไม่ได้เจอกัน
ไม่ได้คุยกันเลย
แต่ฉันก็อุ่นใจว่าเทออยู่ตรงนั้น ไม่ไกลจากที่นี่
เศร้าจัง
พอได้คุนกะเทอ
ฉันก็จำต้องทำเป็นถามโน่นนี่ที่ดูเหมือนเป็นปรึกษาเรื่องที่เทอรู้ แต่ฉันไม่รู้
แต่จริงๆแล้ว ฉันไม่ได้มีธุระอะไรจะปรึกษาเลย
ฉันเพียงแค่อยากได้ยินเสียงเทอ
อยากคุยกับเทอเหมือนเดิมเท่านั้น
ก่อนวางสาย เทอบอกว่าถ้ามีอะไรก็ส่งข้อความไปทางเมล์หรือโทรไปที่ออฟฟิศก็ได้
เพราะมือถือจะไม่มีสัญญาณ

ฉันคิดถึงเทอมากมาย

และได้แต่อยู่กับตัวเอง
ภาวนาขอให้เราได้มาเจอกันโดยบังเอิญอีกครั้ง
และให้ฉันมองหน้าเทอได้เหมือนเดิมตลอดไป
ให้มิตรภาพระหว่างเรากลับมามีเหมือนเดิม
อย่าให้เราสองคนต้องมาเป็นแบบนี้เพียงแค่คำๆเดียวของฉันเลย
ฉันเสียใจ

วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ทะเลเป็นเช่นใด มิอาจรู้ได้

27 ตุลาคม 2553
เกือบ 1เดือนละ ที่เราไม่ได้คุยกัน
ตั้งแต่วันนั้น
วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม 2553 เวลา 12.45 น.
สายตาเธอวันนั้นบอกให้รู้ว่าเธอเป็นห่วงฉัน
ฉันเสียเธอไปแล้ว
มิตรภาพดีๆ ที่เราเคยมีมันจางหาย
เพราะฉันใจไม่แข็งพอ
ฉันรู้ตัวเองดี ว่าไม่คู่ควรกับเธอ
แต่ก็บังอาจไปคิดกับเธอมากเกินกว่าเพื่อน

พอเธอรู้เข้า เท่านั้นละ เอก็บอกว่าจะหายไปจากชีวิตฉัน
เธอบอกว่า เธอไม่อยากเห็นฉันต้องเจ็บปววดเพราะเธอ
เธอเลือกที่จะเดิน และหายไปจากชีวิตฉันเอง
แม้แต่ความเป็นเพื่อน เป็นพี่เป็นน้อง เธอก้ไม่เหลือไว้

เธอเดินไป ก้าวไปอย่างสง่า เธอไปได้สวยเชียว
คิดแล้วเจ็บจิ๊ด
ทำไมเรื่องราวต้องจบลงแบบแย่ๆ
ฉันไม่ควรบอกเธอถึงความลับทั้งหมด
ฉันควรเก็บความลับไว้กับตัวเอง และให้มันจมอยู่กับตัวเองไปจนวันสุดท้าย
หากฉันทำแบบนั้นได้จริง
ฉันคงได้คุยกับเธอ และมีเธอเหมือนเดิม

ตั้งแต่เราจากกันวันนั้น ฉันไม่มีกำลังใจทำอไร
ฉันคิดถึงเธอ
ฉันเสียใจ
ปวดหัว ชีวิตไม่รู้จะไปทางไหนดี

เมื่อเขายังมาวนเวียนอยู่ไม่ไกลตลอด
แต่ทำฉันยังคิดถึงแต่เธอ

ได้แต่รอ
รอว่า สักวันหนึ่ง
ฉันจะได้เจอเธอโดยบังเอิญที่โลตัสอีก

วันที่เธอกลับจากทะเล ก็จะไม่มีวันรู้
วันที่เธอกลับมาบ้านฉันก็ไม่มีวันรู้
ทะเลเป็นอย่างไร ก็ไม่อาจรู้

เมื่อไม่ตัวกลาง
เธอหายไปแล้ว
เธออยู่ที่ไหนสักแห่ง
ฉันรู้ว่าที่ไหน
แต่ไม่อาจรับรู้ได้เลยว่า
ที่ตรงนั้นเป็นเช่นใด

ฉันคิดถึงเธอจริงๆๆ

วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2553

บันทึกถึงทะเล 6

วันที่15 กันยายน 2553
เวลา 17.35 น.
กลับจากออฟฟิส มาได้สักพักละ
The more I see you The more I love you… แม้จะเป็นเพียงแค่ในฝัน
เมื่อคืนฉันฝันเห็นเทอ อีกแล้ว
แต่ว่าฝันครั้งนี้ ให้ความรู้สึกดีกว่าครั้งก่อนมาก
ในฝัน เทอจ้องมองมาที่ตาฉัน
เทอบอกให้ฉันมองตาเทอกลับ
ตัวฉันสั่น หวั่นไหว
ในฝัน เทอก็ชอบฉัน และเทอก็แสดงท่าทีรู้ว่าฉันก็ชอบเทอ
ฉันมองตาเทอ
เขิน อาย ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
เทอเอามือมาลูบที่แก้มสองข้างของฉัน
ฉันมองเข้าไปที่ลูกตาตี๋ๆสองข้างของเทอ
เทอก็รู้สึกดีกับฉันมากพอกัน

ฉันสะดุ้งตื่นจากฝัน
เป็นแค่ฝันอีกแล้ว
ฝันที่ไม่มีวันจะเป้นจริงได้
เทอ คนที่ไม่เคยหัวใจให้ใคร
เทอไม่เหมือนใคร

เมื่อก่อน ไม่ชอบวิศวะเลย ดว้ยเหตุผล อคติ มากมาย
แต่เทอ…
เป็นคนที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าคนที่เรียนวิศวะ ไม่ได้เซอร์เพียงอย่างเดียว
ยังติสต์อีกต่างหาก
โลกส่วนตัวสูงมาก
เป็นผู้ชายที่ง่ายๆ ติดดิน
ชิล ชิล
สบาย สบาย
เป็นคนมองโลกในแง่ดี
เป็นคนมีเหตุมีผล
เป็นคนใจเย็น อ่อนโยน
มีความเป็นสุภาพบุรุษมากกกกๆๆ ขอย้ำ
อยู่ใกล้ชิดแล้วอบอุ่น
สบายใจเวลาคุยด้วย
อยากมีเทอในทุกๆวัน อยู่ตรงนี้
ไปตลอด.................


แต่
เทอไม่รัก
เทอไม่รักเลย
เทอไม่ได้รักกันเลย
เทอให้เป็นแค่เพื่อนเท่านั้น

มีแต่ภาพเทอลอยมา
ฉันสับสน
ฉันควรจะรักเทอต่อไปไหม
หรือไม่ควรคิดอีกต่อไป